You are here
Home > Search Results for "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ "

“สโมสรฟุตบอล” เสี่ยงตกชั้นสูงมากใน ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2021-22

สโมสรฟุตบอล

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2021/22 ถือได้ว่าเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น แต่ละทีมนั้นมีมาตรฐานที่สูงมาก ซึ่งทีมที่จะอยู่รอดได้นั้นก็ต้องมีความเคี่ยวกรรมและเข้มข้นกับการทำงาน ซึ่งก็ต้องบอกว่าในฤดูกาลนี้มีหลายสโมสรเลยทีเดียวที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะตกชั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะจากเดิมเราจะได้เห็นทีมใน พรีเมียร์ลีก มีโอกาสที่จะตกชั้นหรือคว้าแชมป์ได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ แต่ทุกวันนี้ด้วยการแข่งขันที่สูง ทำให้แทบจะต้องดวลกันจนไปถึงนัดสุดท้ายเลยทีเดียว กว่าจะรู้ว่าทีมไหนจะคว้าแชมป์ทีมไหนจะตกชั้น และวันนี้เราจะมาดูกันว่า สโมสรฟุตบอล ที่มีความเสี่ยงตกชั้นสูงมากใน ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้จะมีทีมไหนบ้าง 3 สโมสรฟุตบอล ที่มีความเสี่ยงตกชั้นสูงมากใน ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2021-22                 นอริช ซิตี้ ปัจจุบันพวกเขานั้นรังท้ายของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ยังไม่การันตีถึงการตกชั้น แต่ก็ต้องบอกว่าถ้าหากจะพูดถึงบรรดาสโมสรต่างๆใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ที่มีความเสี่ยงจะตกชั้นมากที่สุดก็ต้องยกให้ นอริช ซิตี้ เพราะว่าพวกเขานั้นก็เป็นอีกหนึ่งทีมที่เก็บชัยชนะในฤดูกาลนี้ได้น้อยมากๆ โดยจากการแข่งขันไปทั้งหมด 32 เกมในปัจจุบันพวกเขาเก็บชัยชนะได้เพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น                 วัตฟอร์ด ปัจจุบันพวกเขาอยู่ในอันดับที่ 19 หรือรองบ๊วยของตาราง คะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จากการลงสนามไปทั้งหมด 32 เกม พวกเขาก็เก็บชัยชนะได้เพียงแค่ 6 เกมเท่านั้น ซึ่งถือได้ว่ามันมีความเสี่ยงสูงมาก ที่พวกเขาจะกลับไปสู่ แชมเปี้ยนส์ชิพ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาลนี้                  เอฟเวอร์ตัน ผลงานของ เอฟเวอร์ตัน จากเดิมที่เป็นทีมระดับบนของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ปัจจุบันนั้นอยู่ในอันดับที่ 17 ของตารางคะแนน เรียกได้ว่าพวกเขานั้นมีความเสี่ยงที่จะตกชั้นสูงเลยทีเดียว กับผลงานในช่วงหลังของพวกเขา ซึ่งคงจะเป็นเรื่องที่ช็อกแฟนบอลเป็นอย่างมาก เพราะ เอฟเวอร์ตัน นั้นยังไม่เคยตกชั้นเลยตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก เกิดขึ้น  โรนัลโด้ จ่อฟันโบนัสก้อนโต หลังซัด “แฮตทริก” ใส่ นอริช เกม พรีเมียร์ลีกคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับสถิติสุดยอดของเขาในการเจอ ตราหมี แอตเลติโก มาดริดแมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมขาย “เฮนเอร์สัน” ช่วงซัมเมอร์นี้ หากได้ราคา 40 ล้านปอนด์“ทีมปาแลร์โม่” รู้จักนักเตะคนดังระดับโลก ที่เคยเล่นให้กับ

วิเคราะห์เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 12 ฟูแล่ม เปิดบ้านเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

ฟูแล่ม เปิดบ้านเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

        เกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษนัดที่ 12 คู่วันอาทิตย์ ฟูแล่ม ที่อยู่ในโซนท้ายตารางเปิดบ้านรับ ลิเวอร์พูล ที่ก่อนเกมมีข่าวดีเนื่องจาทีมหัวตารางด้วยกันพร้อมใจกันสะดุดหมด ฉะนั้นหากเก็บ 3 แต้มในเกมนี้ได้จะขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแบบเดี่ยว ๆ สำหรับผังการเล่นเจ้าบ้านมาในระบบ 3-4-2-1 ส่วนทีมเยือนวางผังที่คุ้นเคย 4-3-3 ต้นเกม ฟูแล่ม เริ่มต้นด้วยความคึกคัก ทำให้มีโอกาสจบสกอร์ได้หลายจังหวะ         แต่ยังยิงไปติดเซฟอลิสซง ทำให้ 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูลครองเกมไม่ได้เลย กระทั่งหลังจากนั้นเริ่มมีจังหวะครองบอล แต่ก็เป็นในลักษณะการถ่ายบอลในแดน ยามพาบอลเข้าไปในแดนของเจ้าบ้านก็จะเสียบอลง่าย ทำให้บางจังหวะเลือกโยนยาวไปให้ซาลาห์กับมาเน่ แต่ก็ถูกสกัดไว้ได้ทั้งหมด จนทำให้กล่าวได้ว่านี่เป็นรูปเกมที่แย่เกมหนึ่งของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ ดังจะเห็นได้จากปฏิกิริยาของเยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ออกอาการไม่พอใจอย่างรุนแรง เนื่องจากลูกทีมครองบอลไม่ได้ ทั้งที่เจ้าถิ่นไม่ได้บีบหรือเพรสซิ่งหนักอะไรเลย ซึ่งฟูแล่มมีเพียงการตั้งโซนรับ 2 ชั้นเท่านั้น พลางรอดักบอลแล้วสวนลับ กระทั่งมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0         ลิเวอร์พูล เริ่มตั้งหลักได้ในนาทีที่ 40 เป็นต้นมาจนจบครึ่งแรก และออกมาเล่นครึ่งหลังด้วยการขึงเกมบุกใส่ฟูแล่ม ซึ่งในครึ่งหลังนั้นลูกทีมของสก็อต พาร์กเกอร์ ซื้อเกมรับเต็มตัว โดยถือว่าทำได้ดีเพราะสามารถยันเกมรุกของทีมเยือนอยู่หมัด ดังจะเห็นได้ว่าผู้รักษาประตูแทบไม่มีลูกเซฟอันตราย         กระทั่งท้ายเกม จังหวะฟรีคิกของลิเวอร์พูลที่ปั่นไปติดแขนผู้เล่นของฟูแล่มจนกลายเป็นจุดโทษ ซึ่งซาลาห์เองก็ยิงไม่ค่อยดี จนผู้รักษาประตูเกือบเซฟได้ ยังโชคดีที่บอลยังแรงพอที่จะเข้าประตูไป ทำให้เกมหลังจากนั้นโมเมนตัมหันเหไปทางลิเวอร์พูลแบบเต็มๆ แต่ยังดีที่ว่าฟูแล่มมีแรงฮึดสุดท้ายอยู่ ทำให้เป็นเพียงไม่กี่ทีมที่ซื้อเกมรับแล้วยันเสมอลิเวอร์พูลได้สำเร็จ         บทสรุปจากเกมฟูแล่ม ถือว่าเป็นทีมที่เล่นดีมีทรงอยู่แล้ว และในเกมนี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าการซื้อผู้เล่นใหม่เข้ามาผนึกกับนักเตะเดิม สก็อต พาร์กเกอร์ได้ทีมที่ลงตัวแล้ว ฉะนั้นนับจากนี้หากใครประมาทเจ้าสัวน้อย ย่อมมีสิทธิ์ถือฆาตด้วยความปราชัย ส่วนลิเวอร์พูล เกมนี้มาตรฐานค่อนข้างตกลงไป อีกทั้งยังเสียเวลาไปกับการตั้งหลักอยู่นาน ทำให้การได้ 1 แต้มในวันนี้ถือว่ายุติธรรมแล้ว     สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้  แฟนหมาป่าขับเครื่องบินพร้อมป้ายผ้าให้ “ราอูล” หายโดยเร็ว“คาร์ราเกอร์” ออกมาเตือน “อาร์เตต้า” อย่าพยายามเลียนแบบทัพเรือ“เวนเกอร์” อดีตกุนซือ แนะ “อาร์เตต้า” คุมโอซิลง่ายนิดเดียว

ตลาดนักเตะ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซัมเมอร์ 2020 จะเปิดตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม

พรีเมียร์ลีก

รายการแข่งขันฟุตบอลในทวีปยุโรปนั้นถือเป็นรายการแข่งขันฟุตบอลที่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรายการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ถือได้ว่าเป็นรายการแข่งขันฟุตบอลในระดับอาชีพชั้นแนวหน้าของโลก เหตุผลก็อาจเป็นเพราะพรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นรายการแข่งขันสูงสุดของประเทศอังกฤษซึ่งเป็นรายการแข่งขันซึ่งเกิดขึ้นในประเทศที่กีฬาฟุตบอลแพร่หลายขึ้นเป็นประเทศแรกของโลกนั้นเอง  แถมทีมฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกอังกฤษก็มีแต่ทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ซึ่งมีเจ้าของเป็นมหาเศรษฐีทุนหนาสามารถซื้อนักเตะในระดับอาชีพหรือทีมชาติประเทศต่างๆให้บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้  ทำให้จึงไม่น่าแปลกใจอะไรเมื่อแฟนบอลจะต่างชอบนั่งชมรายการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษแล้วต่างก็จะชื่นชอบในการแข่งขันแต่ละรายการที่ได้ชม เพราะมีนักฟุตบอลคู่มากฝีมือและมากประสบการณ์ต่างร่วมแข่งขันชิงชัยกันเพื่อสโมสรในรายการแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษแห่งนี้ โดยรายการแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2019-2020 ในปัจจุบัน ได้เดินทางมาใกล้จะแข่งขันจบสิ้นคงต้องนัดกันแล้ว โดยกำหนดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะมีการแข่งขันนัดที่ 38 หรือนัดสุดท้ายของฤดูกาลในวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2020 ที่จะถึงนี้ ซึ่งแน่นอนว่านอกจากผลการแข่งขันในนัดที่เหลืออยู่ที่แฟนบอลจะได้ลุ้นกันแล้ว พรีเมียร์ลีก อังกฤษจะมีช่วงเวลาที่ตลาดนักเตะเปิดในช่วงซัมเมอร์ แฟนบอลอีกหลายคนก็มองไปที่ช่วงตลาดนักเตะเปิดของพรีเมียร์ลีกอังกฤษแล้วว่า จะมีการเปิดเมื่อไหร่และมีใครบ้างจะได้มีการซื้อขายหรือย้ายทีมกัน อันเนื่องมาจากแต่เดิมนั้นในฤดูกาลแข่งขันที่ผ่านมาพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะมีช่วงเวลาที่ตลาดนักเตะเปิดในช่วงซัมเมอร์หรือตลาดช่วงก่อนฤดูการแข่งขันในช่วงประมาณวันที่ 17 พฤษภาคมถึงประมาณวันที่ 8 สิงหาคมของทุกปี  หากแต่ด้วยการที่ไวรัสโควิค 19 เกิดแพร่ระบาดและทำให้การแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษต้องเลื่อนการแข่งมาตั้งแต่เดือนมีนาคมและเพิ่งจะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในการเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จึงทำให้ต้องมีการเลื่อนเปลี่ยนแปลงวันที่ตลาดนักเตะเปิดออกมาด้วยให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งหลังจากประชุมหารือกันอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็มีข้อสรุปออกมาว่าตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีกอังกฤษในช่วงซัมเมอร์ 2020 นี้จะเริ่มเปิดทำการตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2020 ซึ่งเป็นวันถัดจากวันที่พรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลปัจจุบันสิ้นสุดการแข่งขันลงนั่นเอง ซึ่งตลาดนักเตะพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะเปิดจากวันดังกล่าวและไปปิดลงในวันที่ 5 ตุลาคม 2020 โดยวันที่ดังกล่าว อังกฤษฤดูกาล 2020-2021 จะได้มีการแข่งขันไปแล้วถึง 3 สัปดาห์ด้วยกัน สามารถติดตามข่าวกีฬา ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น มากมายในเว็ปไซต์ได้เพิ่มเติม ควรปรบมือให้ “ดีน เฮนเดอร์สัน” ชี้! ผีไม่รุ่งหากไร้ “เด เคอา”วิเคราะห์ 2 เหตุผลหลักที่ ‘เชลซี’ ควรขาย “เอ็นโกโล่ ก็องเต้”ยังไม่ดี! “แลมพาร์ด” รับเชลซีต้องปรับปรุงฟอร์มหากอยากติดท็อปโฟร์

พรีเมียร์ลีก ผู้เล่นจากทวีปอเมริกาใต้ ที่ประสบความสำเร็จ ในศึกอังกฤษ

ผู้เล่นจากทวีปอเมริกาใต้ใน พรีเมียร์ลีก

ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งลีกฟุตบอลที่รวมเอาบรรดานักเตะจากนานาประเทศจากหลายทวีปเข้ามาค้าแข้ง และหลายคนนั้นก็ประสบความสำเร็จมากมาย ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับผู้เล่นจาก ทวีป อเมริกาใต้ ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จกับการลงเล่นใน ศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกลีกฟุตบอลชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงของทวีปยุโรปและของโลก จะมีใครบ้างนั้นก็มาติดตามกันได้เลย 3 ผู้เล่นจากทวีปอเมริกาใต้ที่ประสบความสำเร็จใน ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จูนินโญ่ เปาลิสต้า ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นที่มาจาก ทวีป อเมริกาใต้ ที่ประสบความสำเร็จรายแรกๆ เลยก็ว่าได้ของ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยเขาเป็นกองกลางของทีมชาติบราซิลยักษ์ใหญ่ระดับโลก โดยที่เขาย้ายมาเล่นให้กับ สโมสรเล็ก ๆ อย่าง มิดเดิ้ลโบรส์ และก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ฮาเวีย มาสเคราโน่ กองกลางชาวอาร์เจนติไตน์ ของสโมสร หงส์แดง ลิเวอร์พูล ในตอนแรกนั้นเขาย้ายมาเล่นกับสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งก็อยู่ได้เพียงแค่หนึ่งฤดูกาลเท่านั้น ด้วยผลงานอันโดดเด่นของเขาทำให้ หงส์แดง ลิเวอร์พูล นั้นทุ่มเงินซื้อตัวไปร่วมทีม และลงเล่นให้กับทีมดังของพรีเมียร์ลีก อังกฤษกว่า 4 ฤดูกาลข่าวกีฬาทั่วโลก ก่อนจะย้ายไปประสบความสำเร็จอีกครั้งในอาชีพกับ สโมสร บาร์เซโลนา ใน ศึก ลาลีกา สเปน ฟาร์บินโญ่ กองกลางตัวรับของ สโมสร หงส์แดง ลิเวอร์พูล ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่มีส่วนสำคัญช่วยให้ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ก้าวไปคว้าแชมป์ UEFA Champions League เมื่อฤดูกาล 2018/19 รวมไปถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ในฤดูกาล 2019/20 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการค้าแข้งรวมไปถึงผลงานส่วนตัวกับทีมชาติบราซิล ก็เรียกได้ว่านักฟุตบอลจากทวีปอเมริกาใต้ยังมีอีกมากมายหลายคนเลยทีเดียว ที่ประสบความสำเร็จกับการเล่นให้กับสโมสรต่างๆในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จากอดีตมาจนปัจจุบัน ออสการ์ ไม่ปิดบัง “บาร์ซ่า” เจรจาไปร่วมทีมตลาดมกราคมนี้บาร์เซโลน่า พร้อมปล่อย “เดสต์” มกราคมนี้ หากได้ค่าตัว 30 ล้านยูโรแมนฯยูไนเต็ด ถอนตัวล่า “ฮาแลนด์” เบนเป้าเซนหอกเซอร์เบียจูเลี่ยน อัลบาเรซ คือใคร!? ลือว่าที่หน้าเป้าแมนฯซิตี้

วิเคราะห์เกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดที่ 8 เลสเตอร์ เฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0

เลสเตอร์ เฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0

       เกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดที่ 8 คู่วันอาทิตย์ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังฟอร์มดีจนขึ้นมาเกาะกลุ่มหัวตารางได้สำเร็จ วันนี้ต้องเปิดรังคิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม รับเจ้าหมาป่า วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ฟอร์มร้อนแรงไม่แพ้กัน สำหรับผังการเล่น เจ้าบ้านมาในระบบ 3-4-2-1 ส่วนทีมเยือนวางผัง 5-4-1         ทั้งสองทีมพยายามจะลำเลียงบอลเพื่อบุกเข้าใส่กันแต่ยังไม่ทันไร วูล์ฟแฮมป์ตันก็มาเสียจุดโทษจากแฮนด์บอล ก่อนที่วาร์ดี้จะยิงเข้าไปอย่างเด็ดขาด ขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ช่วงท้ายครึ่งแรกจะมาได้จุดโทษที่ 2 โชคดีว่ายิงไม่เข้า มิเช่นนั้นจะเป็นงานที่งานลำบากของทีมเยือนในการกลับคืนสู่เกม แต่ก็เอื้อความได้เปรียบทางแท็กติกแก่เจ้าบ้านที่จะเล่นง่ายขึ้น         ครึ่งแรกวูล์ฟแฮมป์ตัน ไม่สามารถพาบอลเข้าไปในแดนเขตโทษของเลสเตอร์ได้เลย เพราะเจ้าบ้านวางแท็กติกยืนซ้อน 2 ชั้น ทำให้เจ้าหมาป่าไม่สามารถใช้จุดเด่นในลูกโต้กลับได้ อีกทั้งไม่มีความเชี่ยวชาญในการขึงบุก ภาพที่เห็นคือการถ่ายบอลไปมาจนเสียบอลคืนให้เจ้าบ้าน เลสเตอร์ ก็มีสไตล์เกมบุกไม่ต่างจากทีมเยือน         เพราะเมื่อใดที่ได้เซตบอลก็จะไม่มีประโยชน์ นอกเสียจากเปิดโด่งเข้ามา หรือฉวยโอกาสยิงเร็ว ส่วนช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกม ทีมเยือนใช้วิธีการบุกด้วยการเปิดบอลโด่ง เพื่อให้แถว 2 ได้ยิงเก็บตก ซึ่งถือว่าได้ผลดี เพียงแต่ไม่เป็นประตูเท่านั้น         บทสรุปของเกม เลสเตอร์ ถือว่าโชคดีที่ได้จุดโทษช่วงต้นเกม ทำให้เป็นปัจจัยสำคัญในการคว้า 3 แต้มในวันนี้ แต่ส่วนที่ต้องปรับปรุงคือแท็กติกเกมรุก ที่การเซตเพลย์ใช้ไม่ได้ผลเลยในเกมนี้ แถมช่วงท้ายเกมจะโดนยิงตีเสมอหลายครั้ง ขณะที่วูล์ฟแฮมป์ตัน เสียลูกจุดโทษถึง 2 ลูกในเกมเดียว ซึ่งโชคดีที่โดนไปเพียงเม็ดเดียว ทำให้มีโอกาสกลับคืนสู่เกมได้ถ้ายิงตีเสมอ โดยในครึ่งหลังแท็กติกเกมบุกทำได้ดี แต่ไม่ใกล้เคียงนัก เพราะล้วนแต่เป็นลูกยิงนอกกรอบเขตโทษ ไม่ใช่การยิงเหน่งๆในระยะเผาขน สิ่งสำคัญของเจ้าหมาป่า คือการเพิ่มิติความหลากหลายในเกมรุกนับจากนี้     สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ “อาร์เตต้า” ยันชัด “เปเป้” ยังมีอนาคตในทัพปืนใหญ่ อาเซน่อล!!วิเคราะห์เกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดที่ 8 พาเลซ ถล่มลีดส์ เละเทะ 4-1วงการฟุตบอลช็อค “มาราโดน่า” หัวใจวายเสียชีวิตกะทันหันปิดตำนานแข้งวัย 60 ปี

วิเคราะห์เกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดที่ 8 พาเลซ ถล่มลีดส์ เละเทะ 4-1

พาเลซ ถล่มลีดส์ เละเทะ 4-1

        ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ค่ำคืนวันเสาร์ ในส่วนนี้ขอพาไปที่เซาท์เฮิรท์พาร์ค คริสตัล พาเลซ ที่กำลังฟอร์มดี ต้องเปิดบ้านพบกับทีมน้องใหม่หน้าคุ้นเคยที่ชอบโชว์ของกับทีมใหญ่อย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด สำหรับผังการเล่นของเจ้าบ้านมาในระบบคุ้นเคยอย่าง  4-4-2 ส่วนทีมเยือนก็เช่นกันในระบบ 4-1-4-1            ลีดส์ ครองบอลเข้าใส่พาเลซ ตามสไตล์ของบิเอลซ่า แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าบ้านได้ กระทั่งพาเลซ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกเตะมุม ซึ่งไม่สามารถโทษใครได้เลยเพราะแนวรับยูงทองเองก็ยืนประกบชิดมากแล้ว แต่สกอตต์ แดนน์ ก็ยังโหม่งได้ อีกทั้งวิถีบอลยังย้อยเข้าสามเหลี่ยม หมดสิทธิ์สำหรับผู้รักษาประตูที่จะป้องกัน พาเลซ ขึ้นนำ 1-0 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ         การขึ้นนำ 1-0 ของเจ้าบ้านน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้รูปเกมของลีดส์ ต้องเร่งเครื่องมากขึ้น อีกทั้งยังเข้าทางแท็กติกของพาเลซ ที่ขอเน้นรับแน่นๆ แล้วรอสวน แต่กลายเป็นว่าจังหวะแขนล้ำหน้าของแบมฟอร์ด คือจุดเปลี่ยนที่แท้จริงของเกม เพราะหากได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็วก็จะทำให้การบุกของลีดส์ไม่ต้องรีบเร่งนัก แต่ถึงกระนั้นงานของลีดส์กลับหนักขึ้นเมื่อเจอลูกฟรีคลิกที่ยิงเช็ดคานเข้าไปเป็น 2-0         ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ลีดส์ ตีตื้นเป็น 2-1 จากการเข้าทำเร็ว แต่หลังจากนั้นลูกทีมของบิเอซ่าก็เล่นแบบเดิม คือเซตบอลไปมาจนเสียบอลให้พาเลซโต้ ก่อนจะมาโดนลูกยิงทิ้งห่าง 3-1 ซึ่งจังหวะดังกล่าวอาจมองได้ว่าโชคร้าย แต่ในอีกมุมผู้รักษาประตูอย่างเมส์ลิเยร์ ก็มีส่วนผิดพลาดจากความประมาทและปฏิกิริยาที่ช้าไปเพียงเสี้ยววินาที ทำให้กลับตัวมาควักบอลออกจากเสาแรกไม่ทัน         ครึ่งหลัง เริ่มเห็นได้ชัดแล้วว่าผู้เล่นลีดส์ โชว์ฟอร์มโหดไม่ออกเลย เพราะได้แต่เซตบอลไปมา ซึ่งไม่มีประโยชน์ แถมยังไม่สามารถสร้างจังหวะยิงประตูได้ ตรงข้ามกับพาเลซ ที่บุกน้อยแต่ได้ยิงแบบมีลุ้น จนขึ้นนำ 4-1 เกมจึงแทบจะจบนับตั้งแต่นาทีที่ 70 อีกทั้งสถานการณ์หลังจากนั้นยังย่ำแย่ จากการที่แนวรับประกบหลวมจนจะโดนลูกที่ 5 อยู่บ่อยครั้ง                 บทสรุปเกมนี้ ฝั่งเจ้าบ้านอย่างพาเลซเล่นเกมรับได้ดี เมื่อมีโอกาสบุกสามารถยิงประตูได้แถมมีโชคเข้าข้างเล็กน้อย ส่วนลีดส์ เกมนี้ฟอร์มหลุดอีกครั้ง เกมรุกเล่นกันช้าและมากจังหวะเกินควร ทำให้ไม่สามารถเจาะแผงเกมรับเจ้าบ้านได้ ซึ่งการเล่นเร็วและน้อยจังหวะที่ควรนำมาใช้ในเกมนี้กลับทำได้ไม่กี่ครั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้พ่ายแพ้วันนี้ นอกเหนือจากความโชคร้าย     สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ “ไรซ์” หวังย้ายสู่ สิงห์บลูส์ คว้าโทรฟี่เพื่อความสมบูรณ์แบบ“ดาบิด บีย่า” ฉาว! หลังถูกเด็กฝึกงานแฉแอบแต๊ะอั๋งสมัยค้าแข้งที่อเมริกาวิเคราะห์เกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 8 ไบรท์ตัน เจ๊าจืด เบิร์นลีย์ 0-0

วิเคราะห์เกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดเปิดฤดูกาล ไบรท์ตัน พ่ายคาบ้านต่อ เชลซี 1-3

ไบรท์ตัน พ่ายคาบ้านต่อ เชลซี 1-3

        เกมพรีเมียร์ลีกนักเปิดฤดูกาลในคู่วันจันทร์ ที่สนามฟัลเสมอร์ ไบรท์ตัน ทีมระดับกลางค่อนท้ายของตาราง ที่ต้องการอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดไปอีกหนึ่งฤดูกาล เปิดบ้านพบกับ เชลซี ทีมที่ได้รับการจับตามองว่าจะเป็น 1 ในทีมที่มีลุ้นแชมป์ลีกซีซั่นนี้ ภายหลังการเสริมทัพผู้เล่นที่อุดมไปด้วยแข้งระดับซุปเปอร์สตาร์หลายราย         ไบรท์ตัน เล่นดีมีทรงจนดูเหนือกว่า เชลซี ตลอดทั้งเกมเลยก็ว่าได้ แต่จุดที่เห็นได้คือการเล่นในพื้นที่สุดท้ายกับการจบสกอร์ใช้โอกาสเปลื้อง จนทำให้ทั้งเกมนี้ยิงประตูได้ลูกเดียว เกมนี้ เชลซี คว้า 3 แต้ม ออกมาด้วยจังหวะฟุตบอลและโชคที่เข้าข้าง         เพราะตลอดเกมทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลัง สิงห์บูลไม่ได้ขึงบุก หรือโต้กลับแบบสวยๆ ใส่ไบรท์ตัน ได้เลย ประตูที่เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดของผู้เล่นแนวรับกับผู้รักษาประตูอย่างแม็ท ไรอัน จนเชลซีได้จุดโทษ ส่วนลูกถัดมาได้จากลูกผีจับยัดที่หากให้ยิงใหม่ก็อาจไม่เข้า ส่วนลูกปิดท้ายบอลแฉลบเข้า         แม้ว่าเกมนี้แนวรับเชลซีจะต้องทำงานในรับมือกับแนวรุกไบรท์ตัน แต่ผู้รักษาประตูอย่าง เกปา ก็ไม่ต้องออกแรงเซฟ แต่มันก็เท่านั้นเมื่อเกมนี้เจ้าตัวแสดงความผิดพลาดออกมาอีกครั้ง จากจังหวะตีเสมอของไบรท์ตันที่บอลไม่มีอะไร กล่าวคือ ไม่ได้ยิงด้วยน้ำหนักที่รุนแรง บอลไม่ได้กระดอนหนีตัว และที่สำคัญอยู่ในวิสัยมองเห็นลูกบอลชัด แต่กลับปัดไม่โดนจนเข้าประตูไป         บทสรุปเกมนี้ ไบรท์ตัน เล่นดีมีทรงและมีอนาคตว่าจะไม่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น สำหรับวันนี้แพ้โชคและจังหวะฟุตบอลมากกว่า สำหรับส่วนที่ต้องไปปรับคือการจสกอร์ที่มีโอกาสต้องเฉียบคมกว่านี้ ส่วนเชลซี การซื้อผู้เล่นใหม่ยังไม่ได้เห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิม เพราะจากรูปเกมนัดนี้ที่ดันเป็นรองไบรท์ตัน ทีมรองบ่อน จนโอกาสยิงแทบไม่มี แต่โชคดีที่มีจังหวะกับดวงเข้ามาเกื้อหนุน   สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ ไขเหตุผล ทำไม? ฟุตบอลถ้วย FA Cup จึงเป็นทัวร์นาเมนต์แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ ?“ซีดาน” ลั่น ลูกทีมยังเหนี่ยวแน่น ไม่สนกระแสดราม่า แต่อย่างใด“โรเมโร่” ชวดร่วมงาน “เบ็คแฮม” สื่อดังแฉสาเหตุเพราะ ดีลล่ม

หลังเกม ลิเวอร์พูล ปะทะ บอร์นมัธ วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

           ลิเวอร์พูล กลับมาเก็บ 3 แต้มในบ้านหลังจากที่แฟ้มา 4 นัดทั้งพรีเมียร์ลีก ยูฟ่าและเอฟเอคัพ เปิดเกมลิเวอร์พูลโดนบอร์นมัธยิงนำก่อน 1 ลูก ก่อนที่โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ยิงคืนกันคนละลูก เก็บ 3 แต้ม หนีแมนซิตี้ 25 แต้มขอชนะอีกแค่ 3 นัด 9 แต้ม เพื่อเป็นแชมป์พลีเมียลีกในฤดูกาลนี้ปิดฉากการรอคอย 30 ปี ในวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ระหว่าง ลิเวอร์พูล อันดับหนึ่งของตาราง เปิดบ้าน พบกับ บอร์นมัธ อันดับที 18 ของตาราง ที่กำลังจะตกชั้น             ก่อนเกม คล็อป ผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล ได้จัดทีมที่ไม่มี 3 ตัวหลัก อลีสซง เบ็คเกอร์ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน แล้วส่ง เจมส์ มิลเนอร์ , อาเดรียน และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงแทนด้วยแผน 4-4-3             ส่วนอีกฝั่ง บอร์มํธ ไม่ไม่ได้ส่ง โจชัว คิง เพราะมีอาการบาดเจ็บ และแฮร์รี่ วิลสัน ทียืมมาจากลิเวอร์พูล จึงส่ง จูเนียร์ สตานิ สลาส ลงมาเล่นริมแส้นแทนเพื่อช่วยแนวรุก และ คัลลัม วิลสัน ยืนหน้าเป้าด้วยแผนการ 4-1-4-1 รายชื่อนักเตะ ลิเวอร์พูล : อาเดรียน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่ บอร์นมัธ : แอรอน แรมส์เดล, แจ็ค สเตซี่ย์, สตีฟ คุ้ก, นาธาน

อีริคส์สัน มองปืนใหญ่ไม่แผ่วแม้ขาดเฆซุสบนตารางพรีเมียร์ลีก

อีริคส์สัน

มีข้อห่วงใยมากมายจากหลากหลายทิศทาง หลายฝ่ายที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ มีการวิเคราะห์กันอย่างกว้างขวาง ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยต่อทีมอาร์เซนอล ที่ในขณะนี้กำลังทำผลงานได้ดีและก่อนพักเบรคทีมชาติก็ยึดเป็นจ่าฝูงบนตารางพรีเมียร์ลีกอย่างเหนียวแน่น โดยมีคะแนนนำห่างแชมป์เก่าอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ถึง 5 แต้ม ผู้สันทัดกรณีหลายๆคนอาจจะมีความห่วงใยเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของกองหน้าคือ กาเบรียล เฆซุส ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ลงเล่นให้กับทีมชาติ ในมหกรรมฟุตบอลโลกที่กาตาร์หนนี้มากนัก แต่เมื่อได้ลงไปสัมผัสเกมเพียงไม่นาน ก็มีอาการบาดเจ็บและอาการบาดเจ็บนั้นก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เมื่อเอ็นไขว้หลังหัวเข่ามีปัญหาจำเป็นจะต้องรับการผ่าตัด สเวน-โกรัน อีริคส์สัน อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษที่คลุกคลีอยู่ในวงการฟุตบอลเมืองผู้ดีมาอย่างยาวนาน ยังมีความคิดเห็นว่าอาร์เซนอลน่าจะทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ไม่มีกองหน้าบราซิลเลี่ยนก็ตาม อีริคส์สัน อดีตโค้ชมั่นใจปืนใหญ่ยังคงร้อนแรง                 ข่าวกีฬาทั่วโลก อาการบาดเจ็บของกาเบรียล เฆซุส มีปัญหาในเกมทีมชาติต้องเปลี่ยนตัวออก และแฟนๆหลายๆคนทั้งทีมชาติบราซิลเอง หรือแฟนปืนใหญ่ อาร์เซนอล ก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะถึงแม้ว่าศูนย์หน้าดาวยิงคอลเซ็นเตอร์ จะไม่ได้มีฟอร์มการถล่มประตูที่เปรี้ยงปร้าง แต่หากพูดถึงความสำคัญกับทีม เฆซุสเป็นได้แทบทุกอย่าง อีกทั้งยังเป็นกองหน้าที่มีสถิติการลงมาล้วงบอล และเป็นดาวยิงที่ไม่เพียงแต่จะต้องหวังพึ่งพาการปั้นเกมจากเพื่อนๆเข้าไปทำประตูเท่านั้น ยังสามารถสร้างโอกาสให้กับตนเองได้อีกด้วย อีริคส์สัน ที่เป็นอดีตโค้ชแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มองว่าถึงแม้ว่าอาร์เซนอลจะขาดกองหน้ารายนี้ไปแต่ด้วยผลงานของนักเตะในทีมทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหากทีมปืนใหญ่ยังทำผลงานได้ดีติดลมบน                 อีริคส์สันบอกว่าเขาไม่ค่อยได้ชมเกมอาร์เซนอลเท่าไหร่ และไม่ได้ติดตามฟอร์มของกองหน้าตัวแทนอย่าง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ แต่หากพูดเรื่องผลงานอาร์เซนอลในปีนี้ ถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าสนใจ และอาจจะเบียดตำแหน่งแชมป์แย่งแมนซิตี้ไปครอง                 การยิงประตูแค่เพียงไม่กี่ลูกสถิติของ เฆซุส ทำได้เพียง 5 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ ซึ่งทั้ง 14 เกมที่ผ่านมาเฆซุส ก็กลายมาเป็นตัวหลัก รายการขาดหายไปของเขาอาจจะส่งผลกระทบไม่มากก็น้อยอีริคส์สันอดีตโค้ชประสบการณ์สูง บอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะในบรรดานักเตะคนที่เหลือของทีม ต่างก็ทำผลงานได้ใกล้เคียงกัน และพร้อมจะทำประตูจากทุกๆตำแหน่งของสนาม Latest Posts

เชลซี นักเตะกับการรับใช้ ทีมชาติอังกฤษ ฟุตบอลโลก 2022 

นักเตะทีมชาติอังกฤษ

                สำหรับทีม เชลซี อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ของ ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งถือว่าพวกเขานั้นก็เป็นทีมที่ในอดีตมักจะใช้ผู้เล่นจากต่างแดนซื้อตัวเข้ามา ซึ่งทำให้ทีมเชลซีมักจะไม่ค่อยมีนักเตะอังกฤษอยู่ในทีมมากนักแต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อทีมเชลซีได้ใช้งานนักเตะอังกฤษเพิ่มมากขึ้นซึ่งมันก็มีทั้งนักเตะที่ก้าวขึ้นมาจากอะคาเดมี่ของทีมรวมไปถึงการซื้อตัวเข้ามาเสริมทัพ และทำให้ทีมเชลซีนั้นก็มีนักเตะอังกฤษที่มีโอกาสได้ติดทีมชาติอังกฤษเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นี้ด้วยหลายคนเลยทีเดียวซึ่งวันนี้เราจะมาดูว่ามีใครกันบ้าง 3 นักเตะ จาก เชลซี กับการรับใช้ ทีมชาติอังกฤษ ฟุตบอลโลก 2022                 ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกดาวดังที่มีความเร็วสูงวัย 27 ปีผู้นี้เพิ่งย้ายมาร่วมทีม เชลซี แบบสดๆร้อนๆในช่วงต้นฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านมา ข่าวกีฬาทั่วโลกถือได้ว่าเขาก็เป็นอีกหนึ่งขาประจำของทีมชาติอังกฤษก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมเชลซีแล้วและในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นี้เขาก็ยังได้รับความไว้วางใจให้ลงสนามในฐานะตัวจริงเช่นเดิมด้วยสไตล์การเล่นที่มีทักษะดีและความรวดเร็ว                  คอนเนอร์ กาลาเกอร์ กองกลางวัย 22 ปีของทีมเชลซีถือได้ว่าเขาก็เติบโตมาจากอะคาเดมี่ของทีมเชลซีและในฤดูกาลนี้ถูกเรียกตัวกลับมาสู่ทีมเชลซีหลังจากที่ในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมานั้น ได้ถูกปล่อยยืมและทำผลงานได้ดีจนทำให้ เชลซี นั้นต้องเรียกตัวกลับมาร่วมทีมชุดใหญ่ทำให้เขานั้นก็มีโอกาสได้ติดทีมชาติอังกฤษลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 นี้ด้วย                  เมสัน เมาท์ กองกลางวัย 23 ปี เป็นอีกหนึ่งคนที่ก้าวขึ้นมาจากอะคาเดมี่ของทีม เชลซี ถึงแม้ว่าปัจจุบันเขาก็เป็นผู้เล่นกำลังหลักของทีมเชลซีและทีมชาติอังกฤษด้วยเช่นเดียวกันถึงสไตล์การเล่นนั้นก็เป็นผู้เล่นที่มีความขยันและมี passion สูงรวมไปถึงการผ่านบอลและการยิงประตูที่เฉียบคมซึ่งทำให้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นี้เขาก็ไม่พลาดที่จะได้ลงสนามในฐานะตัวจริง  “เนย์มาร์” สุดงง โดนเชิ้ตดำแจกใบเหลืองเพราะท่าฉลองประตู แบนแฟนบอล ที่ทำผิดกฎ พรีเมียร์ลีกสั่งแบน “นอร์เวย์” ฮาแลนด์ ยิงหนึ่งแต่พาพ่าย สโลวีเนีย “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เอวร่า ระบุ หมดข้ออ้างหากพลาด ยูซีแอล

Top