ยูเวนตุส เฉือนชนะ อินเตอร์ มิลาน ยังมีลุ้นไปแชมเปี้ยนส์ลีก

ยูเวนตุส

                ยูเวนตุส ยังคงอยู่ในเส้นทางการคว้าโควตาไป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า หลังล่าสุดเปิดบ้านเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ไป 3 – 2 แต่เกมนี้ไม่มีผลอะไรกับ อินเตอร์ มิลาน เนื่องจากพวกเขาคว้าแชมป์ไปแล้ว                 ศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ยูเวนตุส เปิดสนาม “อลิอันซ์ อารีน่า” ต้อนรับการมาเยือนของแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้อย่าง อินเตอร์ มิลาน โดยเกมนี้เจ้าบ้านต้องการ 3 คะแนน เพื่อลุ้นพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า เริ่มเกมมานาที 23 ยูเวนตุส เป็นฝ่ายได้เฮก่อน                 จากจังหวะที่ผู้ตัดสินขอเช็ควีเออาร์ในจังหวะที่ มัตเตโอ ดาร์เมียน ไปดึงเสื้อของ จอร์โจ คิเอลลินี่ ก่อนที่จะเป่าให้ลูกโทษแก่ทัพ “ม้าลาย” และเป็น คริสเตียโน โรนัลโด ที่ซัดในจังหวะแรกแต่ถูก ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช เซฟเอาไว้ได้ แต่โชคยังดีที่บอลยังกระเด้งมาเข้าทาง ก่อนที่กัปตันทีมชาติโปรตุเกสจะซ้ำเข้าไปไม่เหลือ                 อย่างไรก็ตามในนาที 35 อินเตอร์ มิลาน ก็ตามตีเสมอ ยูเวนตุสมาเป็น 1 – 1 มาตไตส์ เดอ ลิกต์ ไปทำฟาวล์ใส่ เลาตาโร มาร์ติเนซ ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษแก่ “งูใหญ่” ก่อนที่ โรเมลู ลูกากู จะยิงเข้าไปไม่พลาด                 เกมตกเป็นของเจ้าบ้านอยู่ฝ่ายเดียวและในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก ยูเวนตุสมาได้ประตูนำ 2 – 1 อีกครั้ง จากจังหวะที่ เดยัน คูลูเซฟสกี้ เปิดบอลเข้าเขตโทษแต่ถูกแนวรับทีมเยือนสกัดออกมาบริเวณด้านหน้ากรอบเขตโทษและเป็น ฮวน กวาดราโด ที่วิ่งเข้ามาซัดตูมเดียวตุงตาข่าว และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้                 ครึ่งหลังนาที 55 ยูเวนตุสต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ โรดริโก้ เบนทานเคอร์ โดนเหลือง - แดง ถูกไล่ออกจากสนามไป และจากนั้น อินเตอร์ มิลาน ที่ผู้เล่นเหนือกว่าก็เปิดเกมบุกใส่เจ้าบ้านอย่างไม่ยั้งและมาได้ประตูตีเสมอในนาที 83 แบบโชคช่วยจากจังหวะที่ ลูกากู ยืนรอในเขตโทษแต่เจ้าตัวกลับไปเหนี่ยว คิเอลลินี่ จนทำให้เสียหลักไปโดนบอลเข้าประตูตัวเอง และหลังจากกรรมการเช็ควีเออาร์ก็ยืนยันคำตัดสินเดิม แถมยังให้ใบเหลืองแก่แนวรับชาวอิตาเลียนอีกด้วย                

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์ถล่มโรม่า ยับเยิน 6 – 2

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

                แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมของอังกฤษพลิกสถานการณ์จากโดนนำในครึ่งแรก กลับมารัว 5 ประตูรวดในครึ่งหลังก่อนถล่มเอาชนะ โรม่า ทีมแกร่งจากอิตาลี ไปด้วยสกอร์มโหฬาร 6 – 2                 ศึกฟุตบอล ยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศนัดแรก เมื่อคืนวันพฤหัสที่ 29 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม “โอลด์ แทรฟฟอร์ด” ต้อนรับการมาเยือนของ อาแอส โรม่า ทีมแกร่งจากประเทศอิตาลี โดยเกมนี้ “ปีศาจแดง” ขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงเล่นเต็มสูบหมายจะกุมความได้เปรียบในเกมแรกเอาไว้ให้ได้ ครึ่งแรกเล่นมาได้แค่ 9 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายได้เฮก่อน                 จากจังหวะที่ ปอล ป๊อกบา โชว์ความสามารถเฉพาะตัวครองบอลหนีแนวรับโรม่า ก่อนจะจ่ายให้ เอดินสัน คาวานี่ จากนั้นดาวยิงชาวอุรกวัยจ่ายเร็วต่อให้กับ บรูโน่ แฟร์นานเดส หลุดเข้าไปชิพข้ามตัวของ เปา โลเปซ นายทวารทีมเยือนเข้าไปอย่างเหนือชั้น                 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดีใจได้ไม่นานก็มาถูก โรม่า ตีเสมออย่างรวดเร็ว ริค คาร์สดอร์ป แนวรับของทีมเยือนบุกตะลุยมาฝั่งขวาก่อนจะพยายามจ่ายบอลเข้ามาในเขตโทษ และเป็น ป๊อกบา ที่สไลด์ดักเอาไว้ แต่บอลไปโดนมือของห้องเครื่องทีมชาติฝรั่งเศสเต็มๆ กรรมการเป่าเป็นจุดโทษก่อนที่ ลอเรนโซ่ เปเยรกรินี่ จะสังหารเข้าไปไม่เหลือ                 เกมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดดูจะช๊อตอย่างเห็นได้ชัด และมาเสียประตูที่ 2 ให้กับ โรม่า ในนาที 34 นาที เฮนริค มคิทาร์ยาน จ่ายสุดคมเข้ามาในเขตโทษให้กับ เปเยรกรินี่ ก่อนจะตบเข้ามาให้ เอดิน เซโก้ ชาร์จเข้าไปง่ายๆ จบ 45 นาที แรก “ปีศาจแดง” ตามหลัง “จัลโลรอซซี่” 1 – 2                 กลับมาแข่งในครึ่งหลัง เริ่มมาได้เพียงแค่ 3 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามตีเสมออย่างรวดเร็วจากการยิงของ เอดินสัน คาวานี่ ก่อนที่นาที 64 จะกลายเป็น “ปีศาจแดง” ที่พลิกกลับมานำอีกครั้ง อารอน วาน – บิซซาก้า ยิงในจังหวะนายทวารของทีมเยือนปัดมาเข้ามา คาวานี่ ซ้ำเข้าไปไม่เหลือ                 จากนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดเกมบุกอย่างเต็มที่ ก่อนจะมาได้อีก

“โซลชา” ที่บ้านเกิด พร้อมใจสร้างรูปเพื่อเป็นเกียรติที่สร้างชื่อเสียงให้เมือง

บ้านเกิด "โซลชา"

                โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้รับข่าวเป็นเกียรติกับชีวิต หลังจากชาวเมืองคริสเตียนซุนด์ เมืองเกิดของ “เดอะ เบเบี้เฟซ คิลเลอร์” พร้อมใจกันระดมทุนสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาสร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเกิดเมืองนอน                 ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชากุนซือของ “ปีศาจแดง” หลังจากล่าสุด ทิเดนส์ คราฟ สื่อชื่อดังของประเทศนอร์เวย์ ได้เปิดเผยว่า ชาวเมืองคริสเตียนซุนด์ ได้ระทมทุนจำนวนหนึ่งจากผู้คนในเมืองเพื่อสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติยศให้กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาที่เกิดและเติบโตที่เมืองแห่งนี้ก่อนที่จะย้ายออกไปสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น                 สำหรับโครงการปั้นในครั้งนี้เป็นการระดมทุนของชาวเมืองคริสเตียนซุนด์ ได้เงินมาประมาณ 53,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.01 ล้านบาท) และการปั้นในครั้งนี้เป็นผลงานของ ทอเร่ บียอร์น สโยลสวคิ กับ โอเล่ ทอนเดอร์ ซึ่งรวมมูลค่าทั้งแล้วผลงานชิ้นนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 76,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.88 ล้านบาท) โดยชาวเมืองจะนำรูปปั้นของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาไปตั้งไว้ที่บริเวณชายฝั่งที่อยู่ด้านตะวันตกของเมืองคริสเตียนซุนด์ ส่วนเงินที่เหลือจากการทำรูปปั้นในครั้งนี้นั้น ชาวเมืองคริสเตียนซุนด์ จะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิ กู้ด แวลูส์ ต่อไป (Good Values)                 โอเล่ กุนนาร์ โซลชาเกิดที่เมืองคริสเตียนซุนด์ ในปี 1973 โดยที่เมืองนี้มีประชากรอยู่ที่ 24,000 คนด้วยกัน จากนั้นเจ้าตัวได้เข้าร่วมคลาเซเนนเกน ตอนที่อายุได้ 7 ขวบ และในอีก 10 ปีต่อมา เขาก็ได้ประเดิมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และสร้างสถิติลงเล่นไปทั้งหมด 109 เกมยิงไปทั้งหมด 115 ประตู จนได้ย้ายมาอยู่กับโมลด์ยักษ์ใหญ่แห่งลีกนอร์เวย์ในภายหลัง "โอเล่ กุนนาร์ โซลชา" ลงเล่นให้กับโมลด์ไปทั้งหมด 2 ฤดูกาลด้วยกันยิงไปทั้งหมด 41 ประตู                 จากการลงเล่น 54 นัด ก่อนที่จะได้รับโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในการย้ายมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1996 โดยที่ไม่มีใครรู้จักเขามาก่อนและไม่ได้การันตีตัวจริงแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาก็ไม่เคยย่อท้อจนได้รับฉายาว่า “ซูเปอร์ซัพ” และเป็นคนนำ “ปีศาจแดง” เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2 – 1 ในนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาล 1998 –

“เนย์มาร์” ถูก “โปเซ็ตติโน่” เอ่ยปากชม คุมไม่ยากอย่างที่หลายคนคิด

เนย์มาร์

เนย์มาร์ ดาวเตะเบอร์ 1 ทีมชาติบราซิลยุคปัจจุบัน มีปัญหาระหองระแหงกับสโมสร ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา จนเกือบจะได้ย้ายออกจากทีม แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าคุยกับแบบปรองดอง จนสุดท้าย เนย์มาร์ เลือกอยู่กับทีมต่อในฤดูกาลนี้ และสามารถโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มีส่วนสำคัญ ในการพาทีมผ่านเข้าถึง รอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปียนลีก และลุ้นแชมป์ลีกเอิงแบบเต็มตัว "เนย์มาร์" ดาวเตะวัย 29 ปี ลงสนามให้ ปารีส แซงแชร์กแมง ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 24 นัด รวมทุกรายการ อยู่ในสนาม 1,779 นาที ยิงได้ 24 ประตู และจ่าย 9 แอสซิสต์ แบ่งเป็นการลงเล่นในลีกเอิง 14 นัด อยู่ในสนาม 1,056 นาที ยิงได้ 6 ประตู และจ่าย 4 แอสซิสต์ ส่วนในยูฟ่า แชมป์เปียนลีก ลงสนาม 7 นัด อยู่ในสนาม 566 นาที ยิงได้ 6 ประตู ซึ่งทาง เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ ได้กล่าวว่า “การทำงานร่วมกับเนย์มาร์ มันดูราบรื่น ทุกอย่างดูง่ายไปหมด ผมสบายใจที่ได้ร่วมงานกับเขา และอุ่นใจทุกครั้ง ที่มีเขาอยู่ในสนาม ในช่วงแรกที่ผมเข้ามา เขาเปิดใจยอมรับผม เขาพร้อมที่จะทำตามคำสั่ง เขามีความถ่อมตัว ไม่หยิ่ง เป็นกันเอง และพร้อมที่จะรับฟังทุกอย่างที่ผมพยายามจะอธิบาย ดาวเตะจากบราซิลทุกคน มีความสามารถพิเศษ ที่ซ่อนอยู่ภายใน พวกเขาหลงไหลในความเป็นฟุตบอล พวกเขามีความสุขที่ได้เล่นฟุตบอล มันเหมือนพวกเขากำลังเต้นรำ อยู่ในสนามหญ้าสีเขียว หากพวกเขามีความผ่อนคลาย และมีความสุข พวกเขาจะโชว์เพลงแข้งอันน่าตื่นตาให้เราทุกคนได้เห็น โรนัลดินโญ่ คือเพื่อนร่วมทีมของผม สมัยที่ผมค้าแข้งอยู่กับ ปารีส แซงแชร์กแมง และตอนนี้ ที่สโมสรเดิม เนย์มาร์ คือเพื่อนของผม” สมัยเป็นนักเตะ เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ เคยค้าแข้งอยู่กับ ปารีส แซงแชร์กแมง ช่วงปี 2001-2003 ลงสนามให้ทีม 95 นัด ยิงได้ 6 ประตู ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ บอร์กโดร์ ต่อด้วย เอสปัญญ่อล ในเวลาต่อมา และพาทีมคว้าแชมป์ โคปา เดเรย์ ได้ถึง 3 สมัย สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และหากเพื่อนๆ อยากลงเดิมพัน หรือแทงบอลออนไลน์ สามารถเข้าร่วมสนุกได้ที่ ufabet เว็บไซต์ที่กำลังมาแรงในเวลานี้ สเปอร์ส กับ “Harry

เชลซี กับ “โทมัส ทูเคิล” ที่บอก ทุกคนในทีม พูดถึงแต่ “อาซาร์”

เชลซี อาซาร์

“สิงห์ไฮโซ” เชลซี มีคิวลงสนาม พบกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ในฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปียนลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่สนามซานติอาโก้ เบอร์นาบิว เดิม โดยสิ่งที่หน้าจับตามองที่สุดในเกมนี้คือ การกลับมาดวลกับทีมเก่าของ เอเดน อาซาร์ อดีตดาวเตะหมายเลข 1 ของเชลซี ที่พาทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมายในสมัยที่เขาอยู่กับทีม "อาซาร์" เขาเคยมาค้าแข้งที่ เชลซี และเป็นผู้เล่นคนสำคัญ ซึ่งทาง โทมัส ทูเคิล ได้กล่าวว่า “เอเด็น อาซาร์ เป็นดาวเตะระดับโลก เขาเคยมาค้าแข้งที่เชลซี และเป็นผู้เล่นคนสำคัญของที่นี่มาก่อน ฝีเท้าของเขาสามารถตัดสินเกมได้เลย กับเกมที่หนักหนาสาหัสของพรีเมียร์ลีก เขาเพียงคนเดียว สามารถสร้างความแตกต่างให้กับเกมได้ คิดดูแล้วกันว่าเขาสุดยอดแค่ไหน ผมเคารพในความเก่งกาจของเขา ชื่นชมในความยอดเยี่ยมของเขา พวกเราทุกคนพูดถึงเขากันเยอะมาก ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเขาอยู่เป็นกำลังสำคัญของที่นี่มาหลายขวบปี นักเตะและทีมงานหลายคน รู้จักเขาเป็นอย่างดี ใช่ เขาเคยเป็นคนสำคัญของสโมสรแห่งนี้ แต่ตอนนี้เขาคือ ดาวเตะของ เรอัล มาดริด และตอนนี้เขามีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์พอที่จะมาดวลกับเรา และผมเชื่อว่าเขาจะได้ลงสนามในนัดนี้แน่ และเขาอยากจะพิสูจณ์ให้ทุกคนเห็นว่า เขายังสุดยอดเหมือนเดิม แล้วเรามาคอยดูกัน ว่ามันจะออกมาแบบไหน” ทางด้าน อันโตนิโอ รูดิเกอร์ กองหลังตัวแกร่งของ เชลซี ได้กล่าวว่า “ตอนที่เขาอยู่เชลซี ผมกับอาซาร์ ค่อนข้างสนิทกันนะ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และผมอยากให้เขาลงสนามในเกมนี้ หากต้องการที่จะเป็นแชมป์ เราต้องผ่านคนที่เก่งที่สุด และ เอเดน อาซาร์ คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในปัจจุบัน” เอเดน อาซาร์ ดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยม เคยค้าแข้งอยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ 7 ปี พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย แชมป์เอฟเอคัพ 1 สมัย แชมป์ลีกคัพ 1 สมัย ลงสนามให้ “ทัพสิงห์ไฮโซ” 352 นัด อยู่ในสนาม 26,967 นาที ยิงได้ 110 ประตู และจ่าย 92 แอสซิสต์ สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และหากเพื่อนๆ อยากลงเดิมพัน หรือแทงบอลออนไลน์ สามารถเข้าร่วมสนุกได้ที่ ทางเข้าจีคลับ เว็บไซต์ที่กำลังมาแรงในเวลานี้ สเปอร์ส กับ “Harry Kane” ผู้ไม่เชื่อว่า “Jose Mourinho” จะโดนไล่ออกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดีลแห่งอนาคต ! เซ็นสัญญา Kayky วัย 17 ปี“อลาบา” เก็บกระเป๋า ย้ายซบ

อาร์เซน่อล กับปัญหาที่ยังไม่จบลงสู่ความพ่ายแพ้ของทีม

อาร์เซน่อล

                หลังจากที่จบเรื่องซูเปอร์ลีกไปแล้ว แต่ทว่าเรื่องความขัดแย้งระหว่างแฟนบอลของ อาร์เซน่อล กับเจ้าของสโมสรยังไม่จบลงแต่โดยดี หลังจากที่ปืนใหญ่ได้เปิดรังเอมิเรตสเตเดี้ยมและต้อนรับการมาเยือนของเอฟเวอร์ตัน ก่อนที่พวกเขาจะจบเกมลงด้วยความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ 1-0 จนกลายเป็นสถิติย่ำแย่ของทีม รวมถึงก่อนเกมจะเริ่มต้นยังมีการรวมตัวของแฟนคลับที่ต้องการมาไล่ Stan Kroenke ออกไปจากทีม จนเกิดเป็นภาพการประท้วงรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีของประวัติศาสตร์สโมสรเลยทีเดียว เมื่อการประท้วงครั้งใหญ่เกิดขึ้นใน อาร์เซน่อล แล้วนั้น                 ทางแฟนคลับรุ่นเก๋าคนหนึ่งอย่าง John Williamson วัย 61 ปีก็ออกมาชื่นชมทุกคนที่รักสโมสร เนื่องจากคนจำนวนหลายพันได้พยายามออกมาเรียกร้องสิ่งที่พวกเขาทนพบเห็นมานาน ซึ่งก็คือการต่อต้านเจ้าของสโมสรที่ไม่เป็นที่ต้องการสำหรับแฟน ๆ อีกต่อไป โดยหลายฝ่ายก็เชื่อว่า Kroenke คงจะคาดหวังว่า การรวมตัวครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและจะหายไป ทว่าแฟนบอลในปัจจุบันคงพยายามที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนกฎหมายในส่วนของการครอบครังสโมสรฟุตบอลในประเทศอีกด้วย                 ด้านผู้จัดการทีมของอาร์เซน่อลอย่าง Mikel Arteta ก็ออกมาแสดงความเห็นว่า หน้าที่ของเขาคือการทำให้ผู้เล่นสร้างผลงานที่ดีในสนามโดยไม่มีสิ่งอื่นมารบกวนสมาธิของพวกเขา แม้ว่าแฟนบอลจะกำลังไม่พอใจทีมบริหารอยู่ก็ตาม ส่วนสิ่งที่ Arteta พอจะทำให้กับทีมได้ในเวลานี้ก็คือการพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดในรายการยูฟ่ายูโรป้าลีก หลังจากที่พวกเขาน่าจะหมดลุ้นการไปแข่งขันฟุตบอลยุโรปผ่านอันดับในตารางพรีเมียร์ลีกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะพวกเขาพลาดแต้มในเกมที่สำคัญไปแล้วอย่างน่าเสียดาย                 หากอาร์เซน่อลคว้าแชมป์อะไรติดมือได้เพิ่มก็อาจจะลดแรงเสียดทานของแฟนบอลไปได้ แม้ว่าชื่อของ Stan Kroenke น่าจะกลายเป็นเจ้าของสโมสรที่ไม่มีใครรักแล้วก็ตาม ซึ่งประเด็นที่ทำให้เหล่ากันเนอร์เลือดร้อนขึ้นมาอีกก็คงเพราะว่า ทีมเกือบจะหักหลังคนดูไปก่อตั้งซูเปอร์ลีกนั่นเอง สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และหากเพื่อนๆ อยากลงเดิมพัน หรือแทงบอลออนไลน์ สามารถเข้าร่วมสนุกได้ที่ โจ๊กเกอร์123 เว็บไซต์ที่กำลังมาแรงในเวลานี้ “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” เตือนแมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนใจจากซูเปอร์ลีกซะ!!“มูรินโญ่” ไม่รอด โดนเด้ง! สเปอร์ส ปลดจากเก้าอี้ ผู้จัดการแล้ว!มูรินโญ่ กระเป๋าตุง! รับเงินชดเชยอื้อ หลังถูก “สเปอร์ส” ปลดพ้นทีม

“โปเซ็ตติโน่” ผู้จัดการทีม ปารีสฯ อวย “เป๊ป”คุมทีมไหนก็เทพไปหมด

โปเซ็ตติโน

ปารีส แซงแชร์กแมง ยอดทีมเบอร์ 1 ของประเทศฝรั่งเศส คุมทีมโดย เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ มีคิวดวลกับ “ทัพเรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอดทีมของประเทศอังกฤษ ในฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปียนลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก โดยเกมนี้ จะเล่นที่สนาม ปาร์กเดอร์แป็งส์ รังเหย้าของ ปารีส แซงแชร์กแมง ซึ่งทาง เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ ได้กล่าวว่า “เป๊ป กวาดิโอล่า คือกุนซือที่เก่งที่สุด ตามความคิดของผม และผมชื่นชอบในตัวเขาเป็นอย่างมาก เขาทำหน้าที่ของเขาได้ดี ไม่ใช่แค่ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่สโมสรเดียว แต่เขาพิสูจณ์ให้เห็นมาแล้ว ทั้งกับ บาเยิร์น มิวนิค และ บาเซโลน่า นอกจากเขาจะเป็นยอดกุนซือแล้ว เขายังมีทีมงานมากฝีมือ ที่คอยผนึกกำลังช่วยเหลือเขา และทีมงานเหล่านั้น ผมก็รู้จักเป็นอย่างดี เขาเป็นสุดยอดผู้จัดการทีม และมีแนวทางการเล่นในแบบของตัวเอง และคิดค้นแนวทางการเล่นแบบใหม่อยู่เสมอ เขามีความฉลาด เป็นอัจฉริยะ และทำงานอย่างหนักอยู่ตลอดเวลา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้เกียรติ เป๊ป กวาดิโอล่า อย่างเต็มที่ เขามีสิทธิเด็ดขาดในทัพเรือใบ  ในเรื่องการคุมทีม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับเขา พวกเขาสร้างทีมขึ้นมา และวางแนวทางเอาไว้ว่าทีมจะเดินทางไปในทิศทางไหน ไปได้อย่างไร และนั่นมันทำให้พวกเขา ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในช่วงหลายขวบปีที่ผ่านมา” "เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่" กุนซือวัย 49 ปี เริ่มจับงานกุนซือครั้งแรก ในปี 2009 ซึ่งเขารับตำแหน่งเป็นกุนซือของสโมสร เอสปัญญ่อล ทีมในลาลีก้า สเปน  โดยเขาอยู่กับทีมถึงปี 2012 พาทีมลงสนาม 161 นัด ชนะ 53 เสมอ 38 แพ้ 70  ผลงานที่ดีที่สุดคือ พาทีมจบอันดับที่ 8 ในฤดูกาล 2010/2011 เดือนมกราคม ปี 2013 เขาตัดสินใจ ข้ามฝากมาคุม “ทัพนักบุญแดนใต้” เซาแธมตั้น และจบฤดูกาลนั้น เขาพา เซาแธมตั้น จบอันดับที่ 8 ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม จนถูก ทอตแนมฮอต สเปอร์ ดึงตัวไปคุมทีมในฤดูกาลถัดมา แล้วเขาพา “ทัพไก่เดือยทอง” เขย่าบัลลังค์ท็อปโฟร์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้แชมป์มาประดับบารมีเลย โดยผลงานที่ดีที่สุดคือ รองแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปียนลีก ในฤดูกาล 2018/2019 โดยในรอบชิงชนะเลิศ แพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล 0-2 สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และหากเพื่อนๆ อยากลงเดิมพัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ “เป๊ป” สร้างสถิติ สอยแชมป์ลีกคัพ 4 สมัยคนแรก

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เป๊ป กวาดิโอล่า กุนซือเทพติกิตาก้า ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นกุนซือคนแรก ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ที่พาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ 4 สมัยติดต่อกัน หลังพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เบียดชนะ ทอตแนมฮอต สเปอร์ 1-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลคาราบาวคัพ หรือลีกคัพ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และจากแชมป์สมัยล่าสุด ส่งให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์รายการนี้ 6 จาก 8 ปีล่าสุด และกลายเป็นแชมป์สมัยที่ 8 ของสโมสร เทียบเท่ากับ ลิเวอร์พูล และกลายเป็นสองสโมสรที่คว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุด "ซิลบา" อดีตดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่พึ่งจะอำลาทีม นอกจากนั้นแล้ว เฟอร์นานดินโญ่ ดาวเตะทีมชาติบราซิล และ เซอร์คิโอ อกูเอโร่ ดาวเตะทีมชาติอาเจนติน่า ยังสะสมแชมป์รายการนี้ 6 สมัยเท่ากัน มากที่สุดเท่าที่มีผู้เล่นคนไหนเคยทำได้ รองลงมาคือ เอียน รัช ตำนานของสโมสร ลิเวอร์พูล และ ดาวิด ซิลบา อดีตดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่พึ่งจะอำลาทีมไปในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ได้มาคนละ 5 สมัย ซึ่งทาง อายเมอริค ลาปอร์ต กองหลังจอมแกร่งของ “ทัพเรือใบสีฟ้า” ได้กล่าวว่า “ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อใจของพวกเราอย่างมาก หลังจากเราสะดุด ตกรอบฟุตบอลเอฟเอคัพ แบบหน้าเจ็บใจ เราต้องการชัยชนะ เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา และเราจะเดินหน้าต่อ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เรากำลังไปได้สวย และเราจะรักษามาตรฐานการเล่นแบบนี้เอาไว้ เพื่อคว้าแชมป์ในรายการที่เหลือ ให้ได้ทั้งหมด เกมนัดนี้มันยากสุดๆ ทอตแนมฮอต สเปอร์ พวกเขาคือหนึ่งในยอดทีม มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะจัดการพวกเขา แต่เราก็สามารถจัดการได้ เกมนี้ผมโดนใบเหลือง และผมต้องเล่นแบบระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียกับทีม พวกเราทุกคน ปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นแฟนบอบเข้ามาในสนาม  เราอยากเห็นพวกเขา และเราอยากเห็นให้มากกว่านี้ แต่การได้เห็นแฟนบอลเข้ามาสนามได้ เราก็ดีใจสุดๆ แล้ว” แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีโปรแกรมดวลกับ ปารีส แซงแชร์กแมง ยอดทีมของประเทศฝรั่งเศส ในฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปียนลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ในวันที่ 29 เมษายน ที่สนาม ปาร์กเดอร์แป็งส์ ถิ่นของ ปารีส แซงแชร์กแมง สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และหากเพื่อนๆ อยากลงเดิมพัน หรือแทงบอลออนไลน์ สามารถเข้าร่วมสนุกได้ที่ sexy baccarat เว็บไซต์ที่กำลังมาแรงในเวลานี้ สเปอร์ส กับ “Harry Kane” ผู้ไม่เชื่อว่า “Jose

เอซี มิลาน โดน ลาซิโอ ถลุงยับ ด้วยสกอร์ 3 – 0 ทำ ชปล.สั่นคลอน

เอซี มิลาน โดน ลาซิโอ ถลุงยับ

                โอกาสในการคว้าตั๋วไปแข่งขันฟุตบอลรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าของ เอซี มิลาน เริ่มจะสั่นคลอนขึ้นทุกที หลังจากล่าสุดบุกไปเยือน ลาซิโอ ก่อนจะโดนถล่มพ่ายมายับเยินด้วยสกอร์ 3 – 0 ทำให้หล่นไปอยู่อันดับที่ 5 ของตารางคะแนนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว                 ศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ลาซิโอ เปิดสนาม “สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม” ต้อนรับการมาเยือนของเอซี มิลาน โดยระยะหลังๆ ฟอร์มของ “ปีศาจแดงดำ” แกว่งไปมาก และถูกอตาลันต้า เบียดตกจากรองจ่าฝูงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว เริ่มเกมมาได้แค่ 2 นาที เจ้าบ้านลาซิโอ ได้ประตูออกนำ เอซี มิลาน 1 – 0 อย่างรวดเร็ว                 ฆัวกิน กอร์เรอา ตัดบอลได้จากทางด้านซ้ายและอาศัยจังหวะที่กองหลังเอซี มิลาน ยังต่อกันไม่ติดทำชิ่งกับ ซิโร่ อิมโมบิเล่ ก่อนที่ กอร์เรอา จะหลุดเข้ามาในเขตโทษและแตะบอลหลบ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า และยิงเข้าไปง่ายๆ                 นาที 43 ลาซิโอ เกือบหนีห่างเป็น 2 – 0 จากจังหวะที่ ฆัวกิน กอร์เรอา แทงทะลุช่องให้กับ มานูเอล ลาซซารี่ หลุดยิงผ่านตัวของ ดอนนารุมม่า เข้าไป แต่เมื่อเช็คจากวีเออาร์พบว่า ลาซซารี่ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อนแล้ว จบ 45 นาทีแรก ลาซิโอ จึงนำเอซี มิลาน อยู่แค่ 1 – 0 เท่านั้น                 ครึ่งหลังเล่นมาได้ 6 นาที ลาซิโอ ได้เฮอีกครั้ง หลุยส์ อัลแบร์โต ผ่านบอลจังหวะเดียวมาถึง กอร์เรอา ก่อนที่ดาวยิงเชื้อสายอาร์เจนไตน์ จะแตะบอลหลบ ฟิกาโย่ โทโมริ และกดแสกหน้า ดอนนารุมม่า เข้าประตูสวยงาม แต่กรรมการก็ต้องมาเช็ควีเออาร์กับจังหวะก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงตัดสินใจให้เป็นประตูของ ลาซิโอ                 เอซี มิลานยิ่งเล่นแย่ฟอร์มออกทะเล และมาโดนนำห่างเป็น 3 – 0 ในนาทีที่ 87

สเปอร์ส กับ “Harry Kane” ผู้ไม่เชื่อว่า “Jose Mourinho” จะโดนไล่ออก

สเปอร์ส

                ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เด็ดขาดของ ท็อตแนมฮอต สเปอร์ส อย่างมาก เนื่องจากสโมสรได้ตัดสินใจประกาศปลด Jose Mourinho ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมทันที แม้ว่าพวกเขากำลังจะมีโอกาสไปแข่งในรอบชิงชนะเลิศของรายการลีกคัพในช่วงวันที่ 25 เมษายน ซึ่งทางกองหน้าอย่าง Harry Kane ก็ออกมายอมรับว่า เขาก็รู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่กี่นาทีก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกด้วย โดยทาง Ryan Mason จะต้องรับหน้าที่กุนซือชั่วคราวของทีมไปก่อน แม้ว่าจะเป็นงานที่ยากของเจ้าตัวก็ตาม ด้านกองหน้าตัวหลักของ สเปอร์ส ก็ออกมายอมรับโดยดี                 ว่าเขาประหลาดใจอย่างมากที่ทีมจะเปลี่ยนตัวกุนซือ ซึ่งเขารู้ก่อนจะมีการประกาศเพียง 10 นาทีเท่านั้นในขณะที่ผู้เล่นในทีมยังสนใจไปที่เกมลีกคัพเท่านั้น ทว่ามันเป็นธรรมชาติของวงการฟุตบอลที่ผู้จัดการทีมหลายคนถูกปลดออกจากตำแหน่งในช่วงเวลาที่เขายังลงเล่นอยู่จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดว่า นายใหญ่ของตัวเองจะถูกไล่ออกไป แต่ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็ต้องยอมรับความจริงแต่โดยดี โดยตัวเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Mourinho และหวังว่าเขาจะโชคดีในอนาคตอีกด้วย                 ส่วนอนาคตของสเปอร์สเองนั้น พวกเขาเพิ่งจะเอาชนะเซาท์แธมป์ตันมาได้ด้วยสกอร์ 2-1 ในเกมแรกที่มี Ryan Mason เป็นกุนซือ แม้ว่าผลงานในสนามจะยังดูไม่ดีเท่าไหร่นักก็ตาม แต่พวกเขาก็สามารถเก็บสามแต้มสำคัญมาได้ รวมถึงทาง Mason ยังสร้างสถิติเป็นนายใหญ่ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกด้วยวัย 29 ปีเท่านั้น รวมถึงยังมีโอกาสพาทีมคว้าแชมป์แรกในรอบ 13 ปีในรายการลีกคัก แม้พวกเขาจะต้องเจอกับทีมแชมป์เก่าจอมแกร่งอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็ตาม                   หวังว่าท็อตแนมฮอต สเปอร์สจะตัดสินใจถูกที่ปลดผู้จัดการทีมสถิติดีอย่าง Jose Mourinho ออกไปจากทีม เนื่องจากกุนซือคนนี้สามารถพาทุกทีมก่อนหน้าเป็นแชมป์รายการใดรายการหนึ่งได้เสมอ จนกระทั่งย้ายมาสู่ทีมไก่เดือยทองที่พวกเขามีเวลาน้อยเกินไปที่จะพิสูจน์ตัวเอง ก่อนที่จะต้องเก็บข้าวของย้ายออกไปจากสโมสรพรีเมียร์ลีกอีกครั้งต่อจากเชลซีและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั่นเอง สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และหากเพื่อนๆ อยากลงเดิมพัน หรือแทงบอลออนไลน์ สามารถเข้าร่วมสนุกได้ที่ ทดลองเล่นสล็อต RT เว็บไซต์ที่กำลังมาแรงในเวลานี้ “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” เตือนแมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนใจจากซูเปอร์ลีกซะ!!“มูรินโญ่” ไม่รอด โดนเด้ง! สเปอร์ส ปลดจากเก้าอี้ ผู้จัดการแล้ว!มูรินโญ่ กระเป๋าตุง! รับเงินชดเชยอื้อ หลังถูก “สเปอร์ส” ปลดพ้นทีม