You are here
Home > Search Results for "%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%A5" (Page 2)

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับสถิติสุดยอดของเขาในการเจอ ตราหมี แอตเลติโก มาดริด

คริสเตียโน่ โรนัลโด้

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2021/22 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็เป็นการที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พวกเขาต้องโคจรมาเจอกับทีม แอตเลติโก มาดริด จาก ลาลีกา สเปน ซึ่งจุดน่าสนใจนั้นก็ต้องยกให้กับการที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้พวกเขามีนักเตะที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผู้ซึ่งเป็นเหมือนกับฝันร้ายของสโมสร แอตเลติโก มาดริด โดยถ้าหากเราจะดูจากสถิติที่ผ่านมาของเขาการเจอกันระหว่าง คริสเตียโน่โรนัลโด้ กับทีมตราหมี ก็จะเห็นได้ทันทีว่าเขาทำให้ แอตเลติโก มาดริด ต้องเจ็บปวดมามากมาย โดยจะมีสถิติอะไรบ้างนั้นก็มาติดตามกันได้เลยครับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับสถิติต่างๆที่เขาทำในการพบกับ ตราหมี แอตเลติโก มาดริด  สำหรับสถิติแรกนั้นก็ต้องบอกว่าเป็นการทำแฮตทริกใส่ แอตเลติโก มาดริด ได้ถึง 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกเป็นการลงเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ทีมคู่ปรับร่วมเมืองของ แอตเลติโก มาดริด ส่วนอีก 1 ครั้งนั้น เป็นเกมที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ย้ายไปเล่นให้กับม้าลาย ยูเวนตุส สถิติต่อมานั่นก็คือการที่ โรนัลโด้ เป็นคนทำประตูในศึกชิงชนะเลิศรายการนี้ ที่ เรอัล มาดริด ต้องพบกับ แอตเลติโก มาดริด 2 ครั้งด้วยกัน ซึ่งเกิดขึ้นในนัดชิง ฤดูกาล 2014/15 และ 2016/17 ซึ่งทำให้ เรอัล มาดริด เป็นแชมป์ และสถิติที่ 3 นั้นก็เป็นสถิติที่ โรนัลโด้ มักจะผลงานทำได้อย่างยอดเยี่ยมในการเจอกับทีมตราหมีเมื่อเขาสามารถเอาชนะในการเจอกันได้ถึง 17 ครั้งเสมอ 9 ครั้งและแพ้ 9 ครั้งในการทำประตู ด้วยการพบกันนั้นยิงไปถึง 25 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 35 เกม และก็สถิติสุดท้ายก็เป็นสถิติที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ทำสถิติการทำประตูมากที่สุดในการเจอกันของ เรอัล มาดริด แล แอต มาดริด โดยเขายิงไปได้มากถึง 22 ประตู ซึ่งมากกว่าบรรดาผู้เล่นในระดับตำนานของทีม เรอัล มาดริด ทุกคนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมนักฟุตบอลเชลซี ที่ย้ายไป ลิเวอร์พูล หน้าตาเฉย“เหตุการณ์ฟุตบอล” ที่เหล่าแฟนๆจดจำได้เป็นอย่างดีสนามฟุตบอล

“นักเตะมืออาชีพ” เหตุผลที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

นักเตะมืออาชีพ

            อย่างที่เรารู้กันดีว่า นักเตะมืออาชีพ แทบทุกคน ล้วนเริ่มต้นเข้าสู่วงการลูกหนังตั้งแต่อายุยังไม่ถึงเลขสองหลัก แล้วก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการฝึกซ้อม เรียกว่าต้องยอมทิ้งชีวิตวัยเด็กและวัยรุ่นบางส่วนไปเลย บางคนไม่ได้เรียนตามหลักสูตรปกติด้วยซ้ำ เพราะเข้าสู่สโมสรเลยทันที เพื่อนที่มีก็จะเป็นนักเตะด้วยกันมากกว่าจะเป็นเพื่อนที่โรงเรียนหรือเพื่อนใกล้บ้าน เคยสงสัยไหมว่าทำไมจะต้องเริ่มต้นสายอาชีพเร็วขนาดนั้น ร่างกายของ นักเตะมืออาชีพ มีอายุการใช้งานจำกัด           ถ้าสังเกตดูเราจะรู้ว่า นักเตะมืออาชีพจะลงแข่งขันในสนามจนถึงช่วงหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ห่างจากวัยเกษียณเยอะมาก บางคนเลิกตอนอายุยี่สิบปลาย บางคนเลิกตอนสามสิบกลางข่าวกีฬาทั่วโลก ไม่ใช่ว่าพวกเขาเบื่อวงการนี้แล้ว แต่เป็นเพราะสภาพร่างกายแข็งแรงไม่เท่ากับเด็กรุ่นใหม่แล้ว อัตราเร่งในการวิ่งก็ลดน้อยลง กำลังในการปะทะ ตลอดจนการฟื้นฟูตัวเองก็ไม่ได้ดีเหมือนเดิม ทำให้ต้องเริ่มต้นอาชีพให้เร็วที่สุด ประมาณว่าเริ่มเร็วจบเร็วนั่นเอง การฝึกฝนเพื่อเป็นนักเตะมืออาชีพตั้งแต่เด็กนั้นง่ายกว่า           การเข้าสู่กระบวนการฝึกฝนร่างกายเพื่อเป็นนักเตะมืออาชีพตั้งแต่เด็ก จะช่วยให้ร่างกายจดจำทักษะต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถพัฒนาต่อยอดได้ง่ายกว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่ เพราะเป็นช่วงวัยที่ยังเปิดรับแบบเต็มที่โดยไม่มีอคติ และถ้าบาดเจ็บระหว่างการฝึกฝน ก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้รวดเร็วโดยไม่ทิ้งร่องรอยของความเสียหายไว้บนร่างกาย เส้นทางสู่นักเตะมืออาชีพมีมากกว่าในวัยเด็ก           สำหรับเด็กที่สนใจอยากเป็นนักเตะมืออาชีพ จะมีทางเลือกให้พาตัวเองเข้าสู่วงการค่อนข้างหลากหลาย เช่น เข้าแข่งขันเป็นตัวแทนทีมฟุตบอลโรงเรียนแล้วต่อยอดไป สมัครเข้าสู่สโมสรฟุตบอลต่างๆ ขอทุนสำหรับผู้สนใจกีฬาโดยเฉพาะ เป็นต้น โอกาสที่จะพาตัวเองไปจนถึงระดับมืออาชีพจึงมีมากกว่า โดยไม่เกี่ยวกับความพร้อมทางด้านการเงินหรือปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ มากนัก แค่ตัวเด็กเองมีใจรักและมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมก็พอแล้ว ลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมแมนยูฯ มีเสียว ซูเปอร์คอมทำนายจอดแค่ที่ 6 ชวดลุย แชมเปียนส์ ลีก“เหตุการณ์ฟุตบอล” ที่เหล่าแฟนๆจดจำได้เป็นอย่างดีสนามฟุตบอล ที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับ

นักเตะมืออาชีพ เลิกเล่นแล้วไปไหน ปลายทางจะเป็นอย่างไร?

นักเตะมืออาชีพ

            เคยสงสัยบ้างไหมว่า นักเตะมืออาชีพ ที่เขาเลิกลงสนามแล้ว พวกเขาทำอย่างไรต่อกับชีวิตหลังจากนั้น เพราะหลายคนแขวนสตั๊ดกันตั้งแต่อายุยังน้อย การจะเลี้ยงชีพด้วยเงินที่ได้มาทั้งหมดในช่วงที่ยังแข่งขันอยู่ ก็ไม่น่าจะสร้างความมั่นคงอะไรได้มากนัก ต่อให้เงินก้อนนั้นมีมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีเงินจากทางอื่นเข้ามาอีกเลยก็คงลำบากอยู่เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาทำงานกันต่อ โดยเปลี่ยนบทบาทตัวเองไปอยู่จุดอื่นในวงการลูกหนังนั่นเอง จาก นักเตะมืออาชีพ สู่โค้ชหรือผู้ช่วยโค้ช           จริงอยู่ว่าเราไม่ค่อยได้เห็นข่าวที่ว่านักเตะมืออาชีพผันตัวมาเป็นโค้ชมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญการโค้ชชิ่งมาตั้งแต่แรกมากกว่า แต่อันที่จริงมีนักเตะหลายคนเป็นโค้ชผู้ช่วยในทีมที่ตัวเองเคยเป็นนักเตะ ทำหน้าที่ให้คำแนะนำกับรุ่นน้อง และช่วยทำการฝึกซ้อมอยู่เบื้องหลังข่าวกีฬาทั่วโลก ข้อดีก็คือพวกเขาสามารถถ่ายทอดประสบการณ์จริงในสนามให้กับนักเตะรุ่นใหม่ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม จากนักเตะมืออาชีพสู่นักวิเคราะห์ผลบอล           ข้อได้เปรียบของการผันตัวเองจากนักเตะมืออาชีพไปเป็นผู้วิจารณ์หรือวิเคราะห์การแข่งขัน ก็คือมีมุมมองจากการเล่นในสนามจริงมาก่อน วิธีการอ่านเกมจึงค่อนข้างละเอียดและเฉียบคม สามารถเดาทางได้ว่าศักยภาพของแต่ละทีมเป็นอย่างไร อะไรคือจุดที่น่าสนใจและควรหยิบยกมาพูดถึงในแต่ละการแข่งขัน นอกจากนี้ก็ยังชี้ให้เห็นแนวโน้มที่น่าจะเกิดขึ้นในการแข่งขันนัดถัดไปของทีมนั้นๆ ได้อีกด้วย จากนักเตะมืออาชีพสู่สายบันเทิง             กลุ่มนี้คือนักเตะมืออาชีพที่เปลี่ยนสายการทำงานออกมานอกวงการเลย แต่ยังใช้ชื่อเสียงที่เคยสะสมมาให้เป็นประโยชน์ การผันตัวเองมาเป็นดาราหรือพรีเซ็นเตอร์ โดยมีคนรู้จักเป็นฐานแฟนบอลนั้นถือว่าได้เปรียบพอสมควร เพราะจะมีผู้ว่าจ้างให้ความสนใจค่อนข้างมาก และค่าตัวก็มักจะอยู่ในเรทราคาค่อนข้างสูง แต่การย้ายอาชีพข้ามสายแบบนี้ก็มีทักษะใหม่ๆ ที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่มากเหมือนกัน ลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมนักฟุตบอลเชลซี ที่ย้ายไป ลิเวอร์พูล หน้าตาเฉยออสการ์ ไม่ปิดบัง “บาร์ซ่า” เจรจาไปร่วมทีมตลาดมกราคมนี้สนามฟุตบอล ที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับ

กีฬาฟุตบอล ทักษะพื้นฐาน ที่ต้องฝึกตลอดเวลา

กีฬาฟุตบอล

            ไม่ว่ายุคสมัยไหน กีฬาฟุตบอล ก็ยังเป็นอีกหนึ่งงานอดิเรกที่เด็กผู้ชายหลายคนสนใจอยู่ดี เพราะมันเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทักษะร่างกายมาก ได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนฝูง และยังได้ท้าทายความสามารถของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการฝึกฝนตัวเองให้เก่งกาจในกีฬาชนิดนี้ จำเป็นต้องอาศัยความต่อเนื่องอย่างมาก และมีทักษะพื้นฐานที่ต้องฝึกตลอดเวลา แม้ว่าจะเลื่อนชั้นเป็นนักเตะมืออาชีพแล้วก็ตาม ลองไปดูกันดีกว่าว่ามีทักษะไหนที่จะต้องฝึกกันบ้าง ทักษะการจับบอลใน กีฬาฟุตบอล             นี่คือทักษะแรกที่นักเตะทุกคนต้องเรียนรู้ และต้องฝึกฝนไปตลอดชีวิตที่ยังข้องเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลอยู่ การจับบอลคือการใช้เท้ายึดลูกบอลให้อยู่กับเราข่าวกีฬาทั่วโลก เพื่อรอการตัดสินใจทำอะไรต่อไป ซึ่งท่วงท่าในการจับบอลก็มีหลายแบบ ซึ่งเหมาะกับการเคลื่อนที่ของลูกบอลที่ต่างกัน หากบอลวิ่งเลียบมากับพื้นก็ใช้ฝ่าเท้าเหยียบไปที่บอลโดยตรงได้ แต่ถ้าบอลลอยมาก็ต้องใช้ท่ารับบอลผสมผสานเข้ามา ทักษะการส่งบอลในกีฬาฟุตบอล             การส่งบอลระหว่างผู้เล่นในทีมถือเป็นหัวใจสำคัญของกีฬาฟุตบอลเลยทีเดียว เพราะมันไม่ใช่ทักษะที่มีผลกับนักเตะคนใดคนหนึ่ง แต่แสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในทีม ส่วนมากแล้วทีมเดียวกันจะมีวิธีการส่งบอลที่ไม่ฉีกกันมากนัก เพื่อให้ฝึกซ้อมด้วยกันได้ง่าย และพอเดาทางได้ว่าจังหวะนี้เพื่อนในทีมจะส่งบอลมาแบบไหน ส่งผลให้ฝ่ายรับเตรียมตัวได้ถูกต้อง ทักษะเลี้ยงบอลในกีฬาฟุตบอล             เป็นอีกทักษะในกีฬาฟุตบอลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเราจะถนัดรับบอลมาแล้วส่งต่อทันทีมากกว่า แต่มันจะมีเวลาที่เราส่งไม่ได้เสมอในสนามจริง นักเตะทุกคนจึงต้องมีความชำนาญในทักษะนี้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้น การเลี้ยงบอลยังเป็นทักษะที่ต้องให้เวลาในการฝึกมากกว่าทักษะอื่นด้วย ยิ่งลื่นไหลเท่าไรก็ยิ่งดี นักเตะบางคนก็สามารถต่อยอดเป็นลีลาการเลี้ยงบอลในแบบตัวเองได้เลย ซึ่งดีกับการหลอกล่อคู่ต่อสู้ในสนามด้วย ลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมนักฟุตบอลเชลซี ที่ย้ายไป ลิเวอร์พูล หน้าตาเฉย“เหตุการณ์ฟุตบอล” ที่เหล่าแฟนๆจดจำได้เป็นอย่างดีสนามฟุตบอล ที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับ

แมนฯ ยูไนเต็ด รอช้อน “รือดิเกอร์” จาก เชลซี หลังหมดสัญญาซัมเมอร์นี้

แมนฯ ยูไนเต็ด รอช้อน “รือดิเกอร์”

            แมนฯ ยูไนเต็ด สโมสรขวัญใจมหาชนประจำเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถูกรายงานว่า กำลังจับตาสถานการณ์ของ “อันโตนิโอ รือดิเกอร์” กองกลังตัวเก่งทีมชาติเยอรมนี ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่กำลังจะหมดสัญญากับต้นสังกัดในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างใกล้ชิด โดยตามการรายงานของสื่อเมืองผู้ดีระบุว่า ปราการหลังวัย 28 ปี ยังไม่สามารถตกลงสัญญาฉบับใหม่กับ เชลซี ได้ เนื่องจากเจ้าตัวต้องการค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่ทางต้นสังกัดยอมจ่ายเพียง 140,000 ปอนด์เท่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมทเปย์ค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ ล่อใจ “รือดิเกอร์”             มิร์เรอร์ ฟุตบอล สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด เตรียมแผนที่จะดึงตัว “อันโตนิโอ รือดิเกอร์” เซนเตอร์แบ็ก วัย 28 ปี ของ “สิงห์บลู” เชลซี มาร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังเหลือสัญญาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถึงแค่ช่วงซัมเมอร์นี้เท่านั้น แต่จนถึงตอนนี้ตัวนักเตะกับต้นสังกัดยังไม่สามารถตกลงเรื่องสัญญาฉบับใหม่กันได้ เนื่องจากดาวเตะทีมชาติเยอรมนีต้องการค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 200,000 ปอนด์ หรือประมาณ 8.6 ล้านบาท แต่ทาง เชลซี ให้ได้เต็มที่เพียง 140,000 ปอนด์ หรือประมาณ 6 ล้านบาทเท่านั้น (ปัจจุบันรับอยู่สัปดาห์ละ 100,000 ปอนด์) ทำให้การเจรจาไม่มีความคืบหน้าข่าวกีฬาทั่วโลก แม้จะมีข่าวว่า รือดิเกอร์ ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป ได้แก่ เรอัล มาดริด และ ปารีส แซง แฌร์แม็ง แต่ทั้งสองทีมก็ยังรอดูสถานการณ์ของตัวนักเตะอยู่ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอคว้าตัวจริงจัง             โดย แมนฯยูไนเต็ด พร้อมเสนอค่าจ้างตามที่ รือดิเกอร์ ต้องการ เพื่อหวังดึงตัวเขามาช่วยเสริมเกมรับให้เหนียวแน่นขึ้น เนื่องจากฤดูกาลนี้ พวกเขาโดนคู่แข่งซัดไปแล้ว 34 ประตู เทียบเท่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังที่ทำผลงานได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะกองหลังกัปตันทีมอย่าง “แฮร์รี่ แม็คไกวร์”             สำหรับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลงเล่นให้ เชลซี ฤดูกาลไปแล้ว 36 นัด ทำได้ 3 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ พรีเมียร์ลีก

แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมทาบ “อกานยี่” ของ ดอร์ทมุนด์ เสริมทัพซัมเมอร์นี้

แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมทาบ “อกานยี่”

            แมนฯ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวว่า กำลังให้ความสนใจ “มานูเอล อกานยี่” (Manuel Akanji) กองหลังตัวเก่ง ของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่ออุดรอยรั่วในแผงเกมรับที่มีปัญหาอย่างหนักนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล โดยสื่อดังเมืองผู้ดีออกมาตีข่าวว่า “ปีศาจแดง” อาจได้ตัวกองหลังชาวสวิสมาร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 26 ล้านปอนด์ เนื่องจากนักเตะเหลือสัญญากับต้นสังกัดเพียงแค่ 16 เดือนเท่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด อาจทุ่ม 26 ล้านปอนด์ คว้า “อกานยี่”             เมล ออนไลน์ สื่อชื่อก้องของอังกฤษ ออกมาตีข่าวว่า “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด มีแผนที่จะคว้าตัว “มานูเอล อกานยี่” ปราการหลัง วัย 26 ปี ของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรแกร่งแห่งศึก บุนเดสลิกา เยอรมัน มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังเหลือสัญญากับต้นสังกัดถึงแค่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2023 เท่านั้นข่าวกีฬาทั่วโลก โดยคาดกันว่าทางทีมดังเมืองเบียร์พร้อมปล่อยกองหลังรายนี้ออกจากทีม หากได้ค่าตัวที่ 26 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,131 ล้านบาท เป็นการตอบแทน             ทั้งนี้ เคยมีข่าวว่าทาง ดอร์ทมุนด์ พยายามเสนอสัญญาฉบับใหม่ที่มอบค่าเหนื่อยปีละ 6.7 ล้านปอนด์ หรือราว 290 ล้านบาท ให้ อกานยี่ พิจารณา แต่ก็ถูกเขาตอบปฏิเสธ เนื่องจากเขาต้องการค่าเหนื่อยปีละ 8.3 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 360 ล้านบาท ทำให้การเจรจาหยุดชะงัก ซึ่งตัวเลข 8.3 ล้านปอนด์ ที่ว่านี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับทีมกระเป๋าหนักอย่าง แมนฯยูไนเต็ด แต่อย่างใด             เป็นที่เชื่อกันว่า ทัพ “ปีศาจแดง” ของผู้จัดการทีม “ราล์ฟ รังนิก” กำลังมองหาผู้เล่นที่จะเข้ามาอุดช่องโหว่ในแผงเกมรับ เนื่องจากโดนคู่แข่งยิงประตูไปถึง 34 ลูก ในฤดูกาลนี้ เทียบเท่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กที่ยังไม่ดีพอบาคาร่า โดยเฉพาะ “แฮร์รี่ แม็คไกวร์” ซึ่งทำผลงานได้น่าผิดหวัง ขณะที่ “ราฟาเอล วาราน” ที่แฟนผีเคยหวังฝากผีฝากไข้ก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนลงเล่นได้ค่อนข้างจำกัด ลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมนักฟุตบอลเชลซี

ทูเคิ่ล เผย เข้าใจกระแสวิจารณ์ “เชลซี” หลังรัสเซียถล่มยูเครน

ทูเคิ่ล เข้าใจกระแสวิจารณ์ “เชลซี”

            ทูเคิ่ล (Thomas Tuchel) นายใหญ่ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี สโมสรแกร่งแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาเปิดใจถึงสถานการณ์ที่ต้นสังกัดถูกวิจารณ์อย่างหนักจากเหตุการณ์ รัสเซีย โจมตี ยูเครน ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าของสโมสรคนปัจจุบันอย่าง “โรมัน อบราโมวิช” เป็นชาวรัสเซีย แถมยังสนิทสนมกับประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ของ รัสเซีย อีกด้วย โดยเฮดโค้ชชาวเยอรมันระบุว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ก็เข้าใจเสียงวิจารณ์ เนื่องจากสงครามเป็นเรื่องที่ไม่ให้ใครอยากให้เกิดขึ้น ทูเคิ่ล ลั่น ต้องแยกเรื่องการเมืองกับกีฬาออกจากกัน             โธมัส ทูเคิ่ลผู้จัดการทีมคนดังของ “สิงห์บลู” เชลซี ออกโรงแสดงความเห็นหลังต้นสังกัดได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ รัสเซีย บุกโจมตี ยูเครน เนื่องจาก “โรมัน อบราโมวิช” เจ้าของสโมสรคนปัจจุบันเป็นชาวรัสเซีย และมีความสนิทชิดเชื้อกับประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ของ รัสเซีย โดยกุนซือใหญ่ วัย 48 ปี ชี้ว่า ตนเข้าใจที่หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ เชลซี หลังจากสถานการณ์ความไม่สงบในยูเครนข่าวกีฬาทั่วโลก แต่ก็อยากให้แยกเรื่องกีฬากับการเมืองออกจากกัน เพราะทีมงานและสตาฟฟ์ทุกคนในทีมไม่เคยแสดงความเห็นเรื่องการเมืองเลย             โดย ทูเคิ่ลเปิดใจก่อนเกม คาราบาว คัพ ว่า “มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างมากที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง เราอวยพรต่อทุกฝ่ายอย่างที่สุด เรารู้ดีว่าเราไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกมากไปกว่าทุกคน และแน่นอนว่าสตาฟฟ์ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เราให้ความสนใจแต่กับกีฬา นั่นไม่ใช่เพราะเราหลบเลี่ยง แต่สถานการณ์มันย่ำแย่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ผมขอใช้สิทธิ์ไม่ออกความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น มันทำให้เราเสียสมาธิได้ ผมเข้าใจถึงเสียงวิจารณ์ที่มีต่อสโมสร ซึ่งเราก็ไม่สามารถมองข้ามได้ แต่บางทีเราในฐานะโค้ชและนักเตะไม่ต้องรู้สึกรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขั้น แม้สงครามมันจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ตาม”             อนึ่ง รัฐบาลอังกฤษเตรียมที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสร เชลซี แถมยังมีข่าวลือว่าเจ้าตัวอาจถูกกดดันหนักบาคาร่าให้ถึงขั้นขายสโมสรเลยทีเดียว   ลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมนักฟุตบอล 5 แข้งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในปี 2021“เหตุการณ์ฟุตบอล” ที่เหล่าแฟนๆจดจำได้เป็นอย่างดีสนามฟุตบอล ที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับ

นาโปลี แพ้คาบ้าน หลังเปิดการมาเยือนของ บาร์เซโลน่า ในรอบ 16 ทีม

นาโปลี แพ้คาบ้าน

เป็นการแข่งขันที่เพิ่งจบการแข่งขันไปได้ไม่นานสำหรับการพบกันระหว่าง บาร์เซโลน่า ที่ไปเยือนเจ้าบ้านอย่าง นาโปลี ซึ่งทางของผู้มาเยือนก็ได้ยิงถล่มเจ้าบ้านอย่างหนักถึง  4-2 ประตู ในรูปการแข่งขัน 16 ทีม ของการแข่งขันศึกยูฟ่า ยูโรป้าลีก ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเรื่องราวของการแข่งขันระหว่างสองทีมจะเป็นอย่างไรนั้นเราจะพาทุกท่านไปรับชมข่าวสารการดังต่อไปนี้ บาร์เซโลน่า ยิงถล่ม นาโปลี ซึ่งเป็นเจ้าบ้านด้วยประตู 4-2 ของการแข่งขันศึกยูฟ่า ยูโรป้าลีกครั้งนี้ บาร์เซโลน่าถือว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีแฟนบนหลายคนคอยติดตาม และคอยเชียร์กันอย่างมากมาย ซึ่งการแข่งขันที่ผ่านมาของบาร์เซโลน่าที่ต้องพบกับนาโปลีซึ่งเป็นเจ้าบ้าน ก็สร้างความตื่นเต้นและดีใจให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก ด้วยการไปเยือนเจ้าบ้านและเอาชนะด้วยสกอร์ 4-2 ประตู เป็นการยิงถล่มเจ้าบ้านได้อย่างดุเดือด ทำให้เกมส์การแข่งขันเป็นไปด้วยความตื่นเต้นและสนุกสนานข่าวกีฬาทั่วโลก ซึ่งการวางแผนการเล่นของกัปตันทีมทั้งสองทีม ได้มีการวางหมากแนวรุกนักเตะตัวเต็งในการทำประตูไว้ด้วยกันทั้งสองทีม แต่ในระหว่างการแข่งขัน ทีมบาร์เซโลน่าเป็นฝ่ายทำเกมรุกได้ดีกว่า ด้วยการทำประตูให้กับทีมในลูกแรกช่วงนาทีที่ 8 ของการแข่งขัน โดยผู้ทำประตูในครั้งนี้คือ จอร์ดี อัลบา ถือว่าเป็นเวลาที่เร็วอย่างยิ่งของการทำประตูในครั้งนี้ ต่อมาในเวลาที่ไม่ห่างกันมากนัก บาร์เซโลน่าก็สามารถทำประตูได้เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเวลานาทีที่ 13 โดย เฟรงกี เดอ ยอง ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ห่างกันไม่มากนักของการทำประตูครั้งนี้ และต่อมาเมื่อนาทีที่ 45 เคราร์ด ปิเก ก็สามารถทำประตูที่ 3 ได้อีกครั้ง ทำให้ต่อมาทางฝั่งของเจ้าบ้านก็ได้เร่งฝีเท้าในการเตะด้วยการทำ ลอเรนโซ อินซิเญ ในนาทีที่ 53 ด้วยลูกจุดโทษ ในเวลาที่ห่างกันไม่มากนักทางฝั่งของบาร์เซโลน่าก็ได้ทำประตูเป็นประตูที่ 4 ได้อีกครั้ง โดย ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง เป็นผู้ทำประตูในครั้งนี้ในนาทีที่ 59 ซึ่งในครึ่งหลังของการแข่งขันที่ใกล้จะถึงช่วงเวลาทดบาดเจ็บ ทางฝั่งของนาโปลีได้ทำประตูที่ 2 ให้กับทีมโดย มัตเตโอ โปลิตาโน ในนาทีที่ 87 ทำให้จบเกมการแข่งขันบาร์เซโลน่าเอาชนะนาโปลีได้ 4-2 ประตู ทำให้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย  สำหรับการแข่งขันรอบ 16 ทีมของทั้งคู่ในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก ที่ผ่านมาก็สร้างความสนุกสนานในการทำประตูของบาร์เซโลน่าได้เป็นอย่างมาก เป็นเกมที่ดุเดือดอีกหนึ่งเกม ทำให้ทีมบาร์เซโลน่าเข้ารอบเพื่อไปแข่งขันต่อนั่นเอง  ลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมนักฟุตบอลเชลซี ที่ย้ายไป ลิเวอร์พูล หน้าตาเฉย“เหตุการณ์ฟุตบอล” ที่เหล่าแฟนๆจดจำได้เป็นอย่างดีนักฟุตบอล ที่สามารถทำประตูได้สูงที่สุด

เลสเตอร์ ซิตี ดับซ่า เชลซี คว้าเอฟเอ คัพ สมัยแรกมาครอง

                เลสเตอร์ ซิตี สร้างประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมาในการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากเอาชนะ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศไปแบบสนุกด้วยสกอร์ 1 – 0                 ศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาแข่งขันกันที่สนาม “เวมบลี่ย์” เป็นการพบกันระหว่าง 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก เชลซี พบกับเลสเตอร์ ซิตี                 ก่อนเริ่มเกมนี้ กุนซือของทั้งสองทีมหมายมั่นปั้นมือจะสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาให้ได้ โดยฝั่งของ โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมเชลซี ต้องการจะเป็นผู้จัดการทีมชาวเยอรมนีคนแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ ส่วนทางด้านของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี ต้องการพาทีมคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังจากเคยเข้าชิงมาแล้ว 5 ครั้งด้วยกัน และแพ้รวดทั้ง 5 ครั้ง เริ่มครึ่งแรกมาทั้ง เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี ต่างเล่นกันแบบเพลย์เซฟ ไม่กล้าเปิดเกมผลีผลามกันมากนัก                แต่ดูเหมือนว่าฝั่งของ “สิงโตน้ำเงินคราม” จะมีโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าฝั่งของ “จิ้งจอกสยาม” แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ที่ 0 – 0                 ครึ่งหลังเลสเตอร์ ซิตี เปิดเกมบุกมากขึ้นและในนาที 63 สาวกของ “จิ้งจอกสยาม” ก็ได้เฮกันลั่นเมื่อ รีซ เจมส์ เปิดบอลไปติด อโยเซ่ เปเรซ ก่อนที่ ลุค โธมัส จะผ่านบอลต่อมาให้กับ ยูริ ตีเลอมองส์ ได้กดระยะ 30 หลา บอลพุ่งเข้ากรอบผ่านมือ เกปา กระทบตาข่ายอย่างสวยงาม และเป็นการยิงตรงกรอบครั้งแรกของ เลสเตอร์ อีกด้วย                 เชลซี อยู่เฉยไม่ได้ต้องเปิดเกมบุกหนักกว่าเดิมเพื่อทวงประตูตีเสมอ แต่แล้วในนาที 89 โอกาสตามตีเสมอของ เชลซี ก็มาถึงเมื่อ ติอาโก ซิลวา ตักบอลผ่านแนวรับของเลสเตอร์ ซิตี เข้ามาและเป็น เบน ชิลเวลล์ อดีตกองหลังของ “จิ้งจอกสยาม” ที่ได้จังหวะซัดประตูทีมเก่าอย่างจัง บอลพุ่งเข้าตาข่ายไปแล้ว แต่เมื่อเช็คจาก วีเออาร์ กลายเป็นว่า ชิลเวลล์ ล้ำหน้าไปเสียก่อน                 จบ 90 นาที เชลซี พ่ายให้กับเลสเตอร์ ซิตี

“อิบราฮิโมวิช” ไม่ได้รับใช้ชาติ สวีเดน เซ็งอดใช้งาน ลุยยูโร 2020

                ทีมชาติสวีเดน ยักษ์ใหญ่แห่งทวีปยุโรป เจอข่าวร้ายเมื่อจะอดใช้งาน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงตัวเก๋าในการแข่งขันศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2020) ที่จะแข่งขันกันในช่วงกลางปีนี้ เนื่องจากดาวยิงชื่อดังได้รับบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าและต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาตัวต่อไป "อิบราฮิโมวิช" วัย 39 ปี ได้ประกาศแยกทางกับทีมชาติสวีเดนตั้งแต่จบศึกยูโร 2016                 แต่หลังจากนั้น สวีเดน ได้ทะลุผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้าย ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งยุโรป (ยูโร 2020) ที่จะแข่งขันระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน – 11 กรกฎาคม 2564 จนทำให้ทางสมาคมฟุตบอลของประเทศได้ติดต่อขอร้องให้ อิบราฮิโมวิชกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง ซึ่งหัวหอกชื่อดังก็ตอบรับคำในทันที                 จากข่าวดังกล่าวที่ออกไปกับการตัดสินใจกลับมาเล่นทีมชาติสวีเดนของอิบราฮิโมวิช ทำให้บรรดาแฟนบอลของประเทศต่างดีใจกันลิงโลดที่จะได้เห็นดาวยิงขวัญใจของพวกเขาได้โลดแล่นในเวทีฟุตบอลระดับชาติอีกครั้ง และประกอบกับในฤดูกาลนี้อดีตกองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจยิงไปแล้ว 17 ประตู จากการลงเล่น 27 นัดในทุกรายการ                 จนกระทั่งวันที่ 9 พฤษภาคม 2564 ในเกมลีกที่ เอซี มิลาน ต้นสังกัดปัจจุบันเอาชนะ ยูเวนตุส มาได้ 3 – 0 ในเกมนั้นอิบราฮิโมวิชได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า จนทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาว่าอิบราฯ จะหายทันลงเล่นยูโร 2020 ได้หรือเปล่า ซึ่งทาง “ปีศาจแดงดำ” ได้ออกมาคอนเฟิร์มอาการบาดเจ็บของดาวยิงตัวเก๋าว่าไม่มีอะไรหนักหนามากนัก แต่เขาจะลงช่วยสโมสรในเกมการแข่งขันที่เหลือได้อีก                 และล่าสุดข่าวร้ายของแฟนบอลไวกิ้งก็มาถึงเมื่อสมาคมฟุตบอลสวีเดน ได้ออกมายืนยันแล้วว่าอิบราฮิโมวิช จะพลาดการลงเล่นให้กับทีมชาติในรายการ ยูโร 2020 เนื่องจากเจ้าตัวต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าเป็นการด่วน และจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้น ซึ่งนั่นแปลว่าเขาจะหายไม่ทันการแข่งขัน ยูโร 2020 อย่างแน่นอน สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และหากเพื่อนๆ อยากลงเดิมพัน หรือแทงบอลออนไลน์ สามารถเข้าร่วมสนุกได้ที่ fbbet เว็บไซต์ที่กำลังมาแรงในเวลานี้ ลิเวอร์พูล เล็งคว้ามิดฟิลด์จอมเทคนิค “ลียง” เสริมทัพซัมเมอร์นี้ ความหวังใหม่!บียาร์เรอัล เฉือน อาร์เซนอล หวุดหวิด จารย์แจก คนละแดง“Pirlo” กุนซือยูเวนตุส “Cristiano Ronaldo” ไม่มีปัญหากับการถูกเปลี่ยนตัว

Top