แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมขาย “เฮนเอร์สัน” ช่วงซัมเมอร์นี้ หากได้ราคา 40 ล้านปอนด์

แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมขาย “เฮนเอร์สัน”

             แมนฯ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังของเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวว่า พร้อมพิจารณาปล่อย “ดีน เฮนเดอร์สัน” (Dean Henderson) นายด่านตัวสำรองดีกรีทีมชาติอังกฤษ ออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หากได้รับข้อเสนอไม่ต่ำกว่า 40 ล้านปอนด์ โดยสื่อลูกหนังของเมืองผู้ดีออกมาตีข่าวว่า สาเหตุที่ทัพ “ปีศาจแดง” เตรียมขายมือกาว วัย 25 ปี ก็เพราะหวังลดรายจ่ายค่าเหนื่อยที่สโมสรต้องจ่ายให้นักเตะแตะหลักแสนปอนด์ต่อสัปดาห์นั่นเอง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเหลือสัญญากับ “เฮนเดอร์สัน” ถึงปี 2025             เดลี่ สตาร์ สื่อกีฬาของอังกฤษ รายงานว่า “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด กำลังพิจารณาปล่อย “ดีน เฮนเดอร์สัน” ผู้รักษาประตูตัวสำรอง วัย 25 ปี ออกจากทีมในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะเดือนมิถุนายนนี้ข่าวกีฬาทั่วโลก หลังไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งมือหนึ่งกับ “ดาบิด เด เคอา” นายด่านรุ่นพี่ชาวสแปนิช จนต้องนั่งรอคอยโอกาสอยู่บนม้านั่งสำรองมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ส่วนในซีซันนี้ เจ้าตัวได้ลงเฝ้าเสาไปเพียง 5 นัด รวมทุกรายการเท่านั้น  โดย เฮนเดอร์สัน ยังเหลือสัญญากับ “ผีแดง” ยาวไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2025 ซึ่งทางต้นสังกัดแปะป้ายราคาเขาไว้ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,750 ล้านบาท โดยมีทีมเศรษฐีใหม่อย่าง “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ที่แสดงความสนใจอยากได้ตัวนายด่านรายนี้ไปร่วมทีม             ทั้งนี้ เดลี่ สตาร์ ยังเปิดเผยอีกว่า สาเหตุที่ แมนฯยูไนเต็ด ยอมเปลี่ยนใจขาย เฮนเดอร์สัน ในช่วงซัมเมอร์นี้ ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานายด่านรายนี้ถือเป็นลูกรักของสโมสร ก็เพราะต้องการลดภาระค่าเหนื่อยที่ปัจจุบันเขาได้รับอยู่ถึงสัปดาห์ละ 100,000 ปอนด์ หรือประมาณ 4.3 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเปิดทางสำหรับการดึงนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นั่นเอง  สำหรับ ดีน เฮนเดอร์สัน เคยได้รับตำแหน่งผู้รักษาประตำมือหนึ่งแทนที่ ดีน เฮนเดอร์สัน ระยะสั้น ๆ เมื่อฤดูกาล 2020/2021 แต่ก็ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ถูกนายด่านทีมชาติสเปนยึดตำแหน่งมือหนึ่งกลับคืนได้อีกครั้งจนถึงปัจจุบัน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับสถิติสุดยอดของเขาในการเจอ ตราหมี แอตเลติโก มาดริดลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมนักเตะมืออาชีพ เลิกเล่นแล้วไปไหน ปลายทางจะเป็นอย่างไร?แมนฯ ยูไนเต็ด รอช้อน “รือดิเกอร์” จาก เชลซี หลังหมดสัญญาซัมเมอร์นี้

แมนฯ ยูไนเต็ด รอช้อน “รือดิเกอร์” จาก เชลซี หลังหมดสัญญาซัมเมอร์นี้

แมนฯ ยูไนเต็ด รอช้อน “รือดิเกอร์”

            แมนฯ ยูไนเต็ด สโมสรขวัญใจมหาชนประจำเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถูกรายงานว่า กำลังจับตาสถานการณ์ของ “อันโตนิโอ รือดิเกอร์” กองกลังตัวเก่งทีมชาติเยอรมนี ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่กำลังจะหมดสัญญากับต้นสังกัดในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างใกล้ชิด โดยตามการรายงานของสื่อเมืองผู้ดีระบุว่า ปราการหลังวัย 28 ปี ยังไม่สามารถตกลงสัญญาฉบับใหม่กับ เชลซี ได้ เนื่องจากเจ้าตัวต้องการค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่ทางต้นสังกัดยอมจ่ายเพียง 140,000 ปอนด์เท่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมทเปย์ค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ ล่อใจ “รือดิเกอร์”             มิร์เรอร์ ฟุตบอล สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด เตรียมแผนที่จะดึงตัว “อันโตนิโอ รือดิเกอร์” เซนเตอร์แบ็ก วัย 28 ปี ของ “สิงห์บลู” เชลซี มาร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังเหลือสัญญาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถึงแค่ช่วงซัมเมอร์นี้เท่านั้น แต่จนถึงตอนนี้ตัวนักเตะกับต้นสังกัดยังไม่สามารถตกลงเรื่องสัญญาฉบับใหม่กันได้ เนื่องจากดาวเตะทีมชาติเยอรมนีต้องการค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 200,000 ปอนด์ หรือประมาณ 8.6 ล้านบาท แต่ทาง เชลซี ให้ได้เต็มที่เพียง 140,000 ปอนด์ หรือประมาณ 6 ล้านบาทเท่านั้น (ปัจจุบันรับอยู่สัปดาห์ละ 100,000 ปอนด์) ทำให้การเจรจาไม่มีความคืบหน้าข่าวกีฬาทั่วโลก แม้จะมีข่าวว่า รือดิเกอร์ ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป ได้แก่ เรอัล มาดริด และ ปารีส แซง แฌร์แม็ง แต่ทั้งสองทีมก็ยังรอดูสถานการณ์ของตัวนักเตะอยู่ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอคว้าตัวจริงจัง             โดย แมนฯยูไนเต็ด พร้อมเสนอค่าจ้างตามที่ รือดิเกอร์ ต้องการ เพื่อหวังดึงตัวเขามาช่วยเสริมเกมรับให้เหนียวแน่นขึ้น เนื่องจากฤดูกาลนี้ พวกเขาโดนคู่แข่งซัดไปแล้ว 34 ประตู เทียบเท่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังที่ทำผลงานได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะกองหลังกัปตันทีมอย่าง “แฮร์รี่ แม็คไกวร์”             สำหรับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลงเล่นให้ เชลซี ฤดูกาลไปแล้ว 36 นัด ทำได้ 3 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ พรีเมียร์ลีก

แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมทาบ “อกานยี่” ของ ดอร์ทมุนด์ เสริมทัพซัมเมอร์นี้

แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมทาบ “อกานยี่”

            แมนฯ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวว่า กำลังให้ความสนใจ “มานูเอล อกานยี่” (Manuel Akanji) กองหลังตัวเก่ง ของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่ออุดรอยรั่วในแผงเกมรับที่มีปัญหาอย่างหนักนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล โดยสื่อดังเมืองผู้ดีออกมาตีข่าวว่า “ปีศาจแดง” อาจได้ตัวกองหลังชาวสวิสมาร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 26 ล้านปอนด์ เนื่องจากนักเตะเหลือสัญญากับต้นสังกัดเพียงแค่ 16 เดือนเท่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด อาจทุ่ม 26 ล้านปอนด์ คว้า “อกานยี่”             เมล ออนไลน์ สื่อชื่อก้องของอังกฤษ ออกมาตีข่าวว่า “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด มีแผนที่จะคว้าตัว “มานูเอล อกานยี่” ปราการหลัง วัย 26 ปี ของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรแกร่งแห่งศึก บุนเดสลิกา เยอรมัน มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังเหลือสัญญากับต้นสังกัดถึงแค่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2023 เท่านั้นข่าวกีฬาทั่วโลก โดยคาดกันว่าทางทีมดังเมืองเบียร์พร้อมปล่อยกองหลังรายนี้ออกจากทีม หากได้ค่าตัวที่ 26 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,131 ล้านบาท เป็นการตอบแทน             ทั้งนี้ เคยมีข่าวว่าทาง ดอร์ทมุนด์ พยายามเสนอสัญญาฉบับใหม่ที่มอบค่าเหนื่อยปีละ 6.7 ล้านปอนด์ หรือราว 290 ล้านบาท ให้ อกานยี่ พิจารณา แต่ก็ถูกเขาตอบปฏิเสธ เนื่องจากเขาต้องการค่าเหนื่อยปีละ 8.3 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 360 ล้านบาท ทำให้การเจรจาหยุดชะงัก ซึ่งตัวเลข 8.3 ล้านปอนด์ ที่ว่านี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับทีมกระเป๋าหนักอย่าง แมนฯยูไนเต็ด แต่อย่างใด             เป็นที่เชื่อกันว่า ทัพ “ปีศาจแดง” ของผู้จัดการทีม “ราล์ฟ รังนิก” กำลังมองหาผู้เล่นที่จะเข้ามาอุดช่องโหว่ในแผงเกมรับ เนื่องจากโดนคู่แข่งยิงประตูไปถึง 34 ลูก ในฤดูกาลนี้ เทียบเท่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กที่ยังไม่ดีพอบาคาร่า โดยเฉพาะ “แฮร์รี่ แม็คไกวร์” ซึ่งทำผลงานได้น่าผิดหวัง ขณะที่ “ราฟาเอล วาราน” ที่แฟนผีเคยหวังฝากผีฝากไข้ก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนลงเล่นได้ค่อนข้างจำกัด ลิเวอร์พูล กับผลงานน่าผิดหวัง ของแข้งดาวดัง ที่ทุ่มเงินซื้อมาร่วมทีมนักฟุตบอลเชลซี

สงครามกุหลาบ – ตำนานเล่าขานของ ปีศาจแดง กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด (ตอน 1)

ปีศาจแดง

หากย้อนกลับไปพูดถึงความบาดหมางระหว่างสโมสรของ ‘ปีศาจแดง’ แมนฯ ยูไนเต็ด แฟนบอลในยุคปัจจุบันก็คงนึกถึงแต่ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล หรือเพื่อนบ้านน่ารำคาญอย่าง ‘แมนฯ ซิตี้’ ที่เพิ่งจะมามีปากมีเสียงจากการเทคโอเวอร์ของกลุ่มทุนจากซาอุ หรือหากย้อนไปหน่อยก็อาจจะนึกถึง ‘อาร์เซนอล’ ที่นำโดยสองแม่ทัพอย่าง ‘รอย คีน’ และ ‘แพทริค วิเอร่า’ แต่หลังจากหมดยุคของสองตำนานดังกล่าว ความระอุในสนามก็ค่อย ๆ จางตามไปด้วย นอกจากนั้น ยังมีอีกหนึ่งทีมที่แฟนบอลสมัยใหม่หลายคนอาจไม่เคยรู้ ว่านอกจากทีมข้างต้นแล้ว ปีศาจแดงยังเคยมีอดีตที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับ ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ แถมเรื่องราวความบาดหมางไม่ได้เกิดมาจากการชิงดีชิงเด่นกันในสนามเท่านั้น แต่ยังอิงมาจากประวัติศาสตร์จริงอีกด้วย และในฤดูกาลหน้านี้ทีม ‘ยูงทอง’ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็สามารถกระเสือกกระสนฝ่าอุปสรรคขวากหนามขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดบนเกาะอังกฤษได้อีกครั้ง นั่นหมายถึงการกลับไปเจอกันอีกครั้งกับอริอย่าง ยูไนเต็ด และเพื่ออรรถรสในการรับชมฟุตบอลของแฟนบอลสมัยใหม่ที่ยังไม่เคยทราบเรื่องราว บทความนี้จะพาย้อนไปถึงตำนานความบาดหมางของอดีตสองทีมที่เคยยิ่งใหญ่ในยุคอย่าง ‘แมนฯ ยูไนเต็ด’ และ ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘สงครามกุหลาบ’ นั่งไทม์แมชชีนกลับไปในช่วงปี 1455 -1485 เวลานั้น แดนผู้ดีอย่างประเทศอังกฤษ ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น จากการทะเลาะกันของตระกูลราชวงศ์ ‘แพลนทาเจนเนต’ แห่งราชสกุล ‘แลงคาสเตอร์’ ที่ครองแผ่นดินอยู่ในตอนนั้น นำโดย ‘พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6’ ซึ่งมีสัญลักษณ์ประจำตระกูลเป็น ‘กุหลาบแดง’ และไม่ลงรอยกับ ‘ริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์ค’ แห่งราชสกุล ‘ยอร์ค’ โดยมีสัญลักษณ์ของตระกูลเป็น ‘กุหลาบขาว’ นี่คือที่มาเริ่มต้นของ ‘สงครามกุหลาบ’ ‘ริชาร์ด’ ได้อ้างสิทธิ์ในการครองบัลลังก์ของ ‘พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6’ โดยอ้างว่า ‘ดยุคแห่งแลงคาสเตอร์’ ผู้เป็นบิดาของพระเจ้าเฮนรี่ ได้เป็นบุคคลวิกลจริต โดยต่างฝากต่างก็คิดว่าตนคือผู้ที่มีสิทธิ์ และสุดท้าย เมื่อความเห็นไม่ลงรอย จากความบาดหมาง ก็ค่อย ๆ ก่อตัวเป็น ‘สงคราม’ ในเวลาต่อมา และหลังจากรบราฆ่าฟันกันมาอย่างยาวนาน ทางฝั่งของ ‘ยอร์ค’ ก็เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ และได้บังลังก์มาครองอย่างสมใจหมาย แต่เก้าอี้ร้อนที่ปล้นเค้ามานั้น ก็อยู่ได้แค่ 3 แผ่นดิน ก่อนจะถูก ‘เฮนรี่ ทิวดอร์’ จากราชวงศ์ ‘แลงคาสเตอร์’ มาช่วงชิงคืนไป และได้อภิเษกสมรสกับ ‘เอลิซาเบธ แห่งยอร์ค’ รวมสองตระกูลเป็นทองแผ่นเดียวกัน หลังจากที่ได้ก่อตั้งราชวงศ์ ‘ทิวดอร์’ ขึ้นมาเป็นราชวงศ์ใหม่ "ปีศาจแดง" ที่มี สีแดง เป็นสีประจำสโมสร                 และหากย้อนกลับไปพูดถึงเรื่อง ‘ฟุตบอล’ ในช่วงที่ตีรันฟันแทงกันอยู่นั้น ทีมอย่าง ปีศาจแดงแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มี ‘สีแดง’ เป็นสีประจำสโมสร และยังมีรากฐานที่ตั้งอยู่ในแคว้น ‘แลงคาเชียร์’

“โอเล่” เริ่มพา แมนฯ ยูไนเต็ด มาถูกทาง หลังเจ๊าสเปอร์แบ่งแต้มสนุก

แมนฯ ยูไนเต็ด

                หลังเกมแรกที่ ‘ปีศาจแดง’ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ พาลูกทีมบุกไปแข่งแต้มมาจาก ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งแม้ว่าแมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องการ 3 แต้ม แต่ผลเสมอก็ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดอะไรมาก กับการที่ต้องเจอกับทีมของ ‘โจเซ่ มูรินโญ่’ บอสเก่าที่คุ้นเคย กับแผนการเล่นที่คุ้นชิน มูรินโญ่ พาคลับไก่มารับแน่นสไตล์เกมใหญ่  เล่นบอลรัดกุม ตัดเกมได้ก็ตัดตั้งแต่กลางสนาม ได้โอกาสสวนกลับเมื่อไรเป็นได้เรื่อง แนวรุกต้องมีความเร็ว และสำคัญคือต้องได้จบ และไม่ถึงครึ่งชั่วโมง น้ามูก็พาทีมพังประตูทีมเยือนได้สำเร็จ จากโอกาสของผู้เล่นหน้าใหญ่อย่าง เบิร์กไวจ์น ที่ลากเข้าไปซัดเต็มข้อ ซึ่งแม้จะตรงตัวเด เกอา แต่ก็ยากที่จะป้องกัน                 จะว่าไปแล้ว การเล่นของสเปอร์แทบจะถอดแบบมาจาก แมนฯ ยูไนเต็ดในยุคมูรินโญ่ยังไงยังงั้นเลย ซึ่งนักเตะสเปอร์เองก็ดูจะทำได้ดีกับแทคติคของจ่ามู ต่างจาก แมนฯ ยูไนเต็ดที่ดูยังไงก็เหมาะกับแทคติคเกมรุก เดินหน้าฆ่ามันซะมากกว่า ซึ่งตลอดทั้งเกม ยูไนเต็ดก็เป็นฝ่ายครองบอลเหนือกว่าทีมเจ้าบ้านมาตลอด แต่ก็ดูเหมือนจะยังพาบอลเข้าไปพื้นที่สุดท้ายได้น้อย จน โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ปล่อยไพ่เด็ดอยาก ป๊อกบา ลงมาสร้างมิติในเกมรุก และมิดฟิลด์แชมป์โลก ก็ใช้เวลาเพียง 20 กว่านาที เจาะเกมรับของสเปอร์ ก่อนจะเรียกจุดโทษ และปล่อยให้เป็นนาทีของ บรูโน่ แฟร์นันเดส สังหารเข้าไปแบบนิ่ม ๆ                 หากมองภาพรวมของเกมนัดนี้แล้ว ตำแหน่งที่ปีศาจแดงควรเสริมให้ได้อย่างเร็วที่สุดคือ ‘ปีกขวา’ ซึ่ง แดเนียล เจมส์ ก็ไม่ใช่นักเตะที่ไม่เก่ง เพียงแต่ปีกชาวเวลส์จะเก่งลูกรับและโต้ และได้ลูกขยันในเกมรับจากการเจอทีมที่โดนบุกใส่มากกว่า พอเจอมูรินโญ่สั่งแนวรับสเปอร์รับลึก ทำให้ไม่สามารถดึงจุดเด่นเรื่องความเร็วออกมาใช้ได้ และ แดน เจมส์ ก็ไม่ได้มีสกิลหรือทักษะเฉพาะตัวที่ดีขนาดจะเลี้ยงฝ่าแนวรับไปเองได้ และแม้ กรีนวู้ด จะเปลี่ยนตัวลงมาทำผลงานให้ดี แต่ตำแหน่งปีกขวาก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเจ้าตัว และจะเป็นการลดศักยภาพของกรีนวู้ดซึ่งมีความอันตรายแถวกรอบเขตโทษซะมากกว่า                 และตำแหน่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ‘เซ็นเตอร์แบค’ เนื่องด้วยตัวยืนสองตัวอย่าง แมคไกวร์ และ ลินเดเลิฟ เป็นสายคุมจังหวะทั้งคู่ ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะต้องมีตัวชนสักคน ซึ่งแม้ว่า เอริค ไบยี่ ดูจะเข้าแก๊บที่สุดในทีม แต่ด้วยอาการบาดเจ็บก็คงต้องบอกว่า ‘ยาก’ ที่จะฝากผีฝากไข้หวังให้ ไบยี่ ยืนได้ตลอดทั้งฤดูกาล "แมนฯ ยูไนเต็ด" น่าเสริมก็คือตำแหน่ง ศูนย์หน้าตัวเป้า                 และตำแหน่งสุดท้าย เป็นอีกตำแหน่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ดน่าเสริมเป็นอย่างยิ่งยวดหากอยากจะเขยิบเข้าใกล้ความสำเร็จไปอีกขั้น ก็คือตำแหน่ง ‘ศูนย์หน้าตัวเป้า’ ตำแหน่งที่พาปีศาจแดงครองความสำเร็จมาอย่างยาวนาน แฟน ๆ ยูไนเต็ดคงต้องรู้จัก แอนดี้ โคล,