เลสเตอร์ ซิตี ดับซ่า เชลซี คว้าเอฟเอ คัพ สมัยแรกมาครอง

                เลสเตอร์ ซิตี สร้างประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมาในการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากเอาชนะ เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศไปแบบสนุกด้วยสกอร์ 1 – 0                 ศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาแข่งขันกันที่สนาม “เวมบลี่ย์” เป็นการพบกันระหว่าง 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก เชลซี พบกับเลสเตอร์ ซิตี                 ก่อนเริ่มเกมนี้ กุนซือของทั้งสองทีมหมายมั่นปั้นมือจะสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาให้ได้ โดยฝั่งของ โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมเชลซี ต้องการจะเป็นผู้จัดการทีมชาวเยอรมนีคนแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ ส่วนทางด้านของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี ต้องการพาทีมคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังจากเคยเข้าชิงมาแล้ว 5 ครั้งด้วยกัน และแพ้รวดทั้ง 5 ครั้ง เริ่มครึ่งแรกมาทั้ง เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี ต่างเล่นกันแบบเพลย์เซฟ ไม่กล้าเปิดเกมผลีผลามกันมากนัก                แต่ดูเหมือนว่าฝั่งของ “สิงโตน้ำเงินคราม” จะมีโอกาสจบสกอร์ได้มากกว่าฝั่งของ “จิ้งจอกสยาม” แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ที่ 0 – 0                 ครึ่งหลังเลสเตอร์ ซิตี เปิดเกมบุกมากขึ้นและในนาที 63 สาวกของ “จิ้งจอกสยาม” ก็ได้เฮกันลั่นเมื่อ รีซ เจมส์ เปิดบอลไปติด อโยเซ่ เปเรซ ก่อนที่ ลุค โธมัส จะผ่านบอลต่อมาให้กับ ยูริ ตีเลอมองส์ ได้กดระยะ 30 หลา บอลพุ่งเข้ากรอบผ่านมือ เกปา กระทบตาข่ายอย่างสวยงาม และเป็นการยิงตรงกรอบครั้งแรกของ เลสเตอร์ อีกด้วย                 เชลซี อยู่เฉยไม่ได้ต้องเปิดเกมบุกหนักกว่าเดิมเพื่อทวงประตูตีเสมอ แต่แล้วในนาที 89 โอกาสตามตีเสมอของ เชลซี ก็มาถึงเมื่อ ติอาโก ซิลวา ตักบอลผ่านแนวรับของเลสเตอร์ ซิตี เข้ามาและเป็น เบน ชิลเวลล์ อดีตกองหลังของ “จิ้งจอกสยาม” ที่ได้จังหวะซัดประตูทีมเก่าอย่างจัง บอลพุ่งเข้าตาข่ายไปแล้ว แต่เมื่อเช็คจาก วีเออาร์ กลายเป็นว่า ชิลเวลล์ ล้ำหน้าไปเสียก่อน                 จบ 90 นาที เชลซี พ่ายให้กับเลสเตอร์ ซิตี

เวสต์แฮม หืดขึ้นคอเบียดชัย สต็อคพอร์ท ท้ายเกม เข้ารอบเอฟเอ คัพ รอบ 4

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

                เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก ภายใต้การนำของ เดวิด มอยส์ หืดขึ้นคออย่างหนักกว่าจะเอาชนะ สต็อคพอร์ท เคาน์ตี้ ทีมจากเนชั่นแนลลีก ในเกมเอฟเอ คัพ รอบที่ 3 เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 11 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา                 ศึกเอฟเอ คัพ รอบที่ 3 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยกพลบุกไปเยือน สต็อคพอร์ท เคาน์ตี้ ทีมในระดับเนชั่นแนลลีก ถึงสนาม “เอ็ดจ์ลี่ย์ พาร์ค” โดยก่อนแข่งเกมนี้ สต็อคพอร์ท กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใครมาแล้วถึง 3 นัดติดต่อกัน ส่วนเวสต์แฮม ยูไนเต็ด นั้นเพิ่งจะเฉือนเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน มา 1 – 0 ช่วง 15 นาทีแรก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มีโอกาสทักทายเจ้าบ้านถึง 2 ครั้ง                  และเกือบจะเป็นประตูทั้งสองครั้ง โดยจังหวะแรกในนาทีที่ 6 เมื่อ เดแคลน ไรซ์ ผ่านบอลให้ ชาอิด เบนราห์มา หาช่องปั่นด้วยเท้าขวาผ่านมือของ เบน ฮินซ์ลิฟฟ์ นายทวารเจ้าบ้านไปแล้วแต่บอลเฉี่ยวเสาออกไป อีกจังหวะในนาทีที่ 12 คราวนี้เป็น อังเดร ยาเมอร์เลนโก ได้กดด้วยขวาแต่บอลก็ถากเสาออกไปแบบฉิวเฉียด                 จากนั้นในช่วงเวลาที่เหลือ สต็อคพอร์ท เคาน์ตี้ สามารถต้านทานเกมรุกของอาคันตุกะจากพรีเมียร์ลีกเอาไว้ได้ทั้งหมด จนกระทั่งจบ 45 นาทีแรกเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยังเจาะ สต็อคพอร์ท เคาน์ตี้ ไม่ได้จึงทำให้เสมอกันอยู่ที่ 0 – 0                 ครึ่งหลังยังเป็นหนังม้วนเดิมเมื่อเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ในจังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ ไม่ยิงออกเองก็ยิงไปถูก เบน ฮินซ์ลิฟฟ์ นายทวารของ สต็อคพอร์ท เคาน์ตี้ เซฟเอาไว้ได้ทั้งหมด                 อย่างไรก็ตามความพยายามของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็มาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 83 เมื่อได้เตะมุมก่อนที่จะเล่นสั้นๆ และเป็น จาร็อด โบเว่น เปิดเข้ามาอย่างสุดสวยให้กับ เคร็ก ดอว์สัน วิ่งตัดหน้าแนวรับของเจ้าบ้านก่อนจะโขกผ่านมือ ฮินซ์ลิฟฟ์ เข้าไปอย่างเด็ดขาด จากนั้นช่วงเวลาที่เหลือเวสต์แฮม ยูไนเต็ด

“ซิลวา” เบิ้ล 2 พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม เบอร์มิงแฮม ลิ่วรอบ 4 ศึก เอฟเอ คัพ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

                ศึก เอฟเอ คัพ รอบที่ 3 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากพรีเมียร์ลีก เปิดสนาม “เอติฮัด สเตเดียม” รับการมาเยือนของ เบอร์มิงแฮม ทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ โดยเกมนี้ฝั่งเจ้าบ้านมีการเปลี่ยนตำแหน่งเล็กน้อยด้วยการส่ง แซ็ค สเตฟเฟ่น นายทวารดาวรุ่งลงเฝ้าเสาแทน เอแดร์ซอน เริ่มเกมมาได้ 8 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูออกนำทีมเยือนอย่างรวดเร็ว                 จากจังหวะที่เจ้าบ้านทำเกมบุกเข้ามาและเป็นแนวรับของเบอร์มิงแฮม ที่สกัดเอาไว้ได้แต่บอลยังไปเข้าทางของ แบร์นาโด ซิลวา วอลเลย์ด้วยซ้ายบอลพุ่งเข้าตาข่ายไปอย่างสวยงาม                 เท่านั้นยังไม่พอในนาทีที่ 15 แมนเชสเตอร์ ซิตี้มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2 – 0 จากความยอดเยี่ยมของ เควิด เดอ บรอยน์ ที่บุกตะลุยไปถึงเส้นหลังก่อนจะผ่านมาให้ แบร์นาโด ซิลวา ได้ซัดโล่งๆ เข้าไป แถมยังเป็นประตูที่ 2 ของดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสอีกด้วย                 เกมรุกเกมรับของ เบอร์มิงแฮม เหมือนจะยังจูนกันไม่ติด เลยต้องสังเวยประตูที่ 3 ให้กับทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในนาที 33 จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ ควบบอลเข้ามาก่อนจะจ่ายให้ ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ อัดด้วยซ้ายบริเวณหัวกระโหลกบอลพุ่งเข้าเสาไปอย่างเฉียบขาด จบ 45 นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่างเบอร์มิงแฮม 3 – 0                 เริ่มเกมครึ่งหลังมายังคงเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ทำเกมบุกได้อย่างสนุกต่อเนื่องและมีโอกาสส่องประตูที่ 4 หลายครั้งแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ แถมพอยิงประตูได้ก็ยังถูก VAR ริบกลับคืนไปอีกในนาที 61 จากนั้นช่วงหลังๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ปล่อยให้ทีมเยือน เบอร์มิงแฮม ได้ทำเกมบุกขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าหวาดเสียว                 จบ 90 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้เปิดบ้านเอาชนะทีม เบอร์มิงแฮม ไปขาดลอย 3 – 0 ฉลุยผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ศึก เอฟเอ คัพ อังกฤษ ไปอย่างสบายๆ สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และขอบคุณที่มาของแหล่งข้อมูล ทางเข้าจีคลับ เว็บไซต์ที่ดีที่สุดตลอดกาล “อาร์เตต้า”กุนซือปืนใหญ่ บ่นแข้งตนเอง “ชาก้า” โดนใบแดงแบบโง่ๆสรุปผลการแข่งขันศึกฟุตบอล ไทยลีก 2 นัดที่ 16 คู่วันเสาร์วิเคราะห์-ฟันธงศึกฟุตบอล