“กรีนวู๊ด” ซัดเบิ้ล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่มเบิร์นลีย์

                เมสัน กรีนวู๊ด กองหน้าดาวรุ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โชว์ฟอร์มสุดเฉียบยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยต้นสังกัดเปิดบ้านไล่ถล่ม เบิร์นลีย์ ที่กำลังหนีตกชั้นไปแบบขาดลอย 3 – 1 เก็บ 3 คะแนนเต็ม ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี ทีมจ่าฝูงที่ 8 คะแนน                 ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม “โอลด์ แทรฟฟอร์ด” ต้อนรับการมาเยือนของ เบิร์นลีย์ โดยเจ้าบ้านฟอร์มกำลังร้อนแรงอีกครั้งชนะในลีกติดต่อกันมาแล้ว 4 นัดด้วยกัน ส่วนทีมเยือนกำลังดิ้นรนหนีตกชั้นอย่างหนัก                 เริ่มครึ่งแรกมาเป็นเจ้าบ้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ครองเกมได้เหนือกว่าทีมเยือนอย่างเห็นได้ชัด แต่ปัญหาคือเบิร์นลีย์ ลงไปตั้งรับจนลึกทำให้ แนวรุกของ “ปีศาจแดง” ยังไม่สามารถเจาะกำแพงได้ เลยเสมอกันอยู่ที่ 0 – 0 เมื่อจบ 45 นาทีแรก "เมสัน กรีนวู๊ด" ที่วิ่งเข้ามากดด้วยซ้ายเข้าไป!!                 ครึ่งหลัง โซลชา แก้เกมทันทีถอดเอา เฟร็ด ออกแล้วส่ง เอดินสัน คาวานี่ ลงเล่นแทน และเริ่มมาได้แค่ 3 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูขึ้นนำ มาร์คัส แรชฟอร์ด ตะลุยขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนจะจ่ายเข้าในเขตโทษให้กับ บรูโน่ แฟร์นานเดส ก่อนที่เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติโปรตุเกสปล่อยบอลลอดขาและเป็น เมสัน กรีนวู๊ด ที่วิ่งเข้ามากดด้วยซ้ายเข้าไป                 เจ้าบ้านดีใจได้แค่แปบเดียว เพราะเบิร์นลีย์ ตามตีเสมออย่างรวดเร็วจากจังหวะเตะมุมและเป็น เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ เบียดเอาชนะ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะโขกเข้าไปไม่เหลือ สกอร์กลับมาเป็น 1 – 1                 จากนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเกมบุกอย่างพายุบุแคมเพื่อเอาประตูขึ้นนำ และมาประสบความสำเร็จในนาที 84 จากผลงานของ ปอล ป๊อกบา ที่เปิดขวางมาให้กับ กรีนวู๊ด ก่อนที่ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษจะแตะเข้าเขตโทษและกดด้วยซ้ายบอลไปแฉลบแนวรับของทีมเยือนพุ่งเข้าประตูไป “ปีศาจแดง” นำ 2 – 1                 ก่อนที่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือน เบิร์นลีย์ ในศึกพรีเมียลีก ผงาดขึ้นจ่าฝูง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

                แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จหลังจากบุกไปเอาชนะ เบิร์นลีย์ อย่างสนุกด้วยสกอร์ 1 – 0 โดยได้ประตูชัยจาก ปอล ป็อกบา ในนาทีที่ 71 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันอังคารที่ 12 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา                 ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 17 เมื่อคืนวันอังคารที่ 12 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา เบิร์นลีย์ ทีมอันดับ 16 ของตาราง เปิดสนาม “เทิร์ฟมัวร์” ต้อนรับการมาเยือนของรองจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งหากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะหรือเสมอในเกมนี้ได้พวกเขาจะแซงลิเวอร์พูลขึ้นนำเป็นจ่าฝูงทันที เริ่มครึ่งแรกเป็นทีมเยือนอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดเกมบุกได้เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่าเบิร์นลีย์เจ้าบ้าน                 แต่ในจังหวะสุดท้ายยังเป็น นิค โป๊ป และกองหลังเบิร์นลีย์คอยสกัดเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตามในนาที 36 บรรดาสาวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องดีใจกันเก้อจากจังหวะที่ ลุค ชอว์ เปิดบอลเข้ามาเสาไกลและเป็น แฮร์รี แม็กไกวร์ กัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โขกเข้าไปอย่างสวยงาม แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้เป็นประตูเพราะมอง แม็คไกวร์ ไปทำฟาวล์ เอริค ปีเตอร์ ในจังหวะที่ขึ้นโหม่ง ทำให้จบ 45 นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจึงเสมออยู่กับ เบิร์นลีย์ ที่ 0 – 0                 ครึ่งหลังยังคงเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่องจนสามารถขึงเกมบุกใส่ เบิร์นลีย์ อยู่ฝ่ายเดียวแต่สิ่งที่ขาดไปคือประตูขึ้นนำ จนกระทั่งนาที 71 ความพยายามของ “ปีศาจแดง” ก็มาสัมฤทธิ์ผลจนได้ จากจังหวะที่นักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำเกมมาจากแดนกลางก่อนที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะเปิดบอลเข้ามาบริเวณเส้นกรอบเขตโทษและเป็น ปอล ป็อกบา ที่วอลเลย์แบบไม่จับบอลพุ่งผ่าน นิค โป๊ป เข้าไปอย่างสวยงาม                 จากนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดผ่อนเกมบุกปล่อยให้เจ้าบ้านได้บุกมาบ้างแต่ในจังหวะสุดท้ายแนวรุกของเบิร์นลีย์ ไม่เด็ดขาดเอง แถมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 เกือบจะต้องสังเวยประตูที่ 2 ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแต่ยังโชคที่ว่าในจังหวะสุดท้ายนั้น อองโตนี มาร์กซิยาล ยิงไปติดเซฟ นิค โป๊ป อย่างน่าเสียดาย                 จบ 90 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุกมาเอาชนะ เบิร์นลีย์ ไป 1

“อาร์เตต้า” โคตรแมน! ด่าผมเลย ผมรับไว้เอง หลังพ่ายให้ เบิร์นลีย์

มิเกล อาร์เตต้า

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปนของ อาร์เซน่อล ออกมาแสดงความรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว หลังพาทัพปืนใหญ่ พ่ายแพ้ เบิร์นลีย์ ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 12 ทำให้ตอนนี้ทีมจอดอยู่ที่อันดับ 15 ของตาราง ไม่ชนะใคร 5 เกมติดต่อกันเข้าให้แล้ว อาร์เซน่อล เล่นในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พ่ายให้กับ เบิร์นลีย์ 0-1 เป็นการพ่ายแพ้ในลีก 3 เกมติดต่อกัน และแพ้คาบ้าน 4 นัดติดต่อกัน แถมแนวรุกยังห่วยสุดๆ ช่วยกันยิงได้แค่ 10 ประตู กลายเป็นทีมที่ยิงได้น้อยที่สุดอันดับสามของพรีเมียร์ลีก ในตอนนี้ อาร์เตต้า ได้กล่าวว่า "ตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากสุดๆ" ซึ่งทาง มิเกล อาร์เตต้า ได้กล่าวว่า “ตอนนี้เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากสุดๆ เราต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ และเราจะต่อสู้กับมันด้วยจิตใจที่กล้าแกร่ง จะไม่มีใครในทีมยกธงขาว เราจะเผชิญหน้ากับมัน ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เราสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลย หากว่าใครอยากด่าอะไร จัดเต็มมาที่ผมเลย ให้ลงที่ผมคนเดียวเพราะผมทำทีมไม่ชนะ ผมก็แค่ตั้งใจทำงานในส่วนของผมต่อไป อาร์เซน่อล คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และทุกคนยอมรับกับความพ่ายแพ้ไม่ได้  นี่ไงผมยืนอยู่ตรงนี้ ด่าผมเลยทุกคน” ทางด้าน ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิ่ล กุนซือ เซาแธมตั้น ทีมอันดับ 4 ที่มีคิวดวลกับ อาร์เซน่อล ในวันที่ 16 ธันวาคม ได้กล่าวว่า “มีหลายคนบอกว่า เกมนี้เราจะไปเยือน อาเซน่อล ด้วยความเหนือกว่า ให้ตายเถอะใครจะไปคิดแบบนั้น มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะคิดอะไรแบบนั้นได้ เราไม่เคยเหนือกว่า อาเซน่อล เลย ในการไปเยือนสนามแห่งนั้น เราจะคิดแค่ว่า เราจะทำสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด เพราะสิ่งนั้นทำให้เรามายืนอยู่จุดนี้” สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ และขอบคุณที่มาของแหล่งข้อมูล สล็อตโจ๊กเกอร์ เว็บไซต์ที่ดีที่สุดตลอดกาล สรุปผลการแข่งขันศึกฟุตบอล ไทยลีก 2 นัดที่ 16 คู่วันเสาร์วิเคราะห์-ฟันธงศึกฟุตบอล ไทยลีก 1 นัดที่ 15 (คู่วันศุกร์)แฟนหมาป่าขับเครื่องบินพร้อมป้ายผ้าให้ “ราอูล” หายโดยเร็ว

วิเคราะห์เกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 8 ไบรท์ตัน เจ๊าจืด เบิร์นลีย์ 0-0

ไบรท์ตัน เจ๊า เบิร์นลีย์

        เกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ คู่เปิดหัวนัดที่ 8 ในค่ำคืนวันศุกร์ เป็นการพบกันของทีมท้ายตารางที่ต้องมาตัดแต้มกันเอง โดยสถานการณ์ของเจ้านกนางนวล ไบรท์ตัน อาจสดใสกว่าเล็กน้อยกับการเล่นบอลที่มีทรงแต่มักได้ผลการแข่งขันที่ไม่ดี ขณะที่ทีมเยือนกำลังเผชิญกับสถานการณ์อันยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมา เนื่องจากยังไม่ชนะใครแถมยังยิงประตูคู่แข่งได้น้อยที่สุดในลีก สำหรับเจ้าบ้านมาในระบบ 3-4-2-1 ส่วนทีมเยือนวางระบบ 4-4-2          เกมเริ่มต้นขึ้นมาไม่ถึงนาที แนวรับเบิร์นลีย์แสดงความผิดพลาดทันทีจน เวลเบ็ค ได้เปิดป้อน แต่แรมตี้ยิงข้ามคานออกไปแบบน่าผิดหวัง ซึ่งถ้ายิงขึ้นนำได้ก่อนจะสร้างความได้เปรียบอย่างมหาศาล ไบรท์ตัน เล่นดีมีทรงเหมือนเคย แต่การขึงบุกคู่แข่งยังมีปัญหา         ในเรื่องของการพาบอลเข้าพื้นที่เขตโทษ เพราะบอลไม่ถูกพาไปในมุมที่เหมาะสมสำหรับการยิงประตู จังหวะที่เห็นจึงกลายเป็นว่าไบรท์ตันพาบอลเข้าไปอยู่ในดงผู้เล่นเบิร์นลีย์เสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่มีช่องว่างอันเหมาะสมกว่านี้         ช่วง 10 นาที สุดท้ายก่อนจบครึ่งแรก เป็นช่วงเวลาที่ไบรท์ตันควรฉกฉวยโอกาสเพื่อทำประตูมากที่สุด เนื่องจากแนวรับทีมเยือนออกอากการแกว่งชัดเจน ซึ่งมีจังหวะเหน่งๆที่เวลเบ็คได้เข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูถึง 2 ครั้ง แต่ก็ต้องชม นิค โป๊ป ด้วยที่ทำหน้าที่ได้ดีทั้งปฏิกิริยาการเซฟและการออกมาปิดมุม         ทรงบอลในครึ่งหลังไม่ต่างจากครึ่งแรกเท่าไรนัก แต่ที่แตกต่างออกไปมากที่สุด คือ เบิร์นลีย์มีความผิดพลาดมากมาย ไล่ตั้งแต่การขึ้นเกมบุกที่เสียบอลกลางสนามจนโดนโต้กลับบ่อยครั้ง ขณะที่แผงเกมรับเปิดช่องว่างมากมายนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของทีมเยือนที่ไม่ถูกส่องประตู         บทสรุปจากเกม สำหรับไบร์ทตัน การได้เพียงแต้มเดียวจากเกมนี้ถือว่าเสียหาย เพราะมีโอกาสทำประตูมากมายมหาศาล ทั้งจากการเล่นที่มีทรงของตัวเองกับความผิดพลาดที่คู่แข่งหยิบยื่นให้ตลอด 90 นาที โดยที่อย่างน้อยควรได้สัก 1-2 ประตู ซึ่งเป็นปัญหาที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะหากเล่นดีมีทรงแต่ผลการแข่งขันไม่ดี ความมั่นใจของนักเตะจะถดถอยไปเรื่อย ๆ ส่วนเบิร์นลีย์ การได้แต้มกลับบ้านแบบนี้ไม่น่าพึงพอใจ เพราะมีจุดที่ต้องแก้ไขทั้งทีม ไล่ตั้งแต่หลังหลุดรั่วพร้อมโดนยิงตลอดเวลา แนวรุกที่เคยมีจุดเด่นในเรื่องลูกกลางโชว์ฟอร์มไม่ออกในปีนี้ อีกทั้งยังไม่มีทีเด็ดการเข้าทำแบบอื่นมาทดแทน  ทำให้กล่าวได้ว่าทรงบอลแบบนี้ เบิร์นลีย์ คือทีมหนีตกชั้นเต็มตัว           สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ ปีศาจแดงอาจได้ “เตเลส” และ “ตวนเซเบ้” ลงสนามบู๊ WBA“โควัช” แฮปปี้แข้ง โมนาโก คว้าพลิกคว้าชัยเหนือเปแอสเชอยากให้ไปแขวนสตั๊ดทีมไหน! “เป๊ป” เผยฝันอยากร่วมงานกับดาวยิงอีกครั้ง

ทำไม “ลุนด์สตรอม” ถึงได้เป็นทางเลือกที่เบิร์นลีย์ต้องการ!!

"ลุนด์สตอรม" ทางเลือกเบิร์นลีย์

จอห์น ลุนด์สตรอม กองกลางของเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด จะเหมาะสมกับ เบิร์นลี่ย์ ของ ฌอน ไดซ์ได้อย่างไร โดยสัญญาปัจจุบันของลุนด์สตรอม กัลป์ทีมดาบคู่ จะหมดลงช่วงซัมเมอร์ปี 2021 กองกลางวัย 26 ปีปฏิเสธการขยายสัญญาล่าสุดที่เชฟฟิลด์เสนอให้เขาและอาจย้ายไปในเดือนมกราคมนี้ท่ามกลางความสนใจจากสโมสรในพรีเมียร์ลีกซึ่งไม่รวมเบิร์นลีย์ อย่างไรก็ตามโปรไฟล์ของเขาเหมาะกับ เดอะ คลาเร็ตส์ กองกลางวัย 26 ปีได้รับสัญญาอาชีพอาวุโสครั้งแรกที่เอฟเวอร์ตันในปี 2012 อย่างไรก็ตามในช่วง 3 ปีที่เขาอยู่กับทอฟฟี่กองกลางชาวอังกฤษไม่ได้ลงสนามให้กับพวกเขาในขณะที่เขาถูกยืมตัว 5 ครั้งจนกระทั่งย้ายไปอยู่อันดับสี่อย่างถาวร – และย้ายไปเล่นกับอ๊อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ดเมื่อปี 2015 เขาใช้เวลาสร้างผลงานสองปีกับอ็อกซ์ฟอร์ดซึ่งเขาได้รับตำแหน่งกัปตันทีมเมื่ออายุเพียง 22 ปี ในปี 2017 กองกลางที่เกิดในลิเวอร์พูลได้เข้าร่วมกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง "ลุนด์สตรอม" สร้างความประทับใจที่บรามอลล์ เลน ตั้งแต่เขาลงสนามกว่า 96 เกม เมื่อ 3 ปีก่อน กองกลางสร้างชื่อให้กับตัวเองโดยเฉพาะหลังจากฤดูกาล 2019/20 ที่น่าประทับใจในพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นฤดูกาลแรกของเชฟฟิลด์ในรอบ 12 ปี เขาเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมจบอันดับที่ 9 ในฤดูกาลที่แล้ว เขาจะมาเติมเต็มกองกลางของเบิร์นลี่ย์ หลังจากเล่นภายใต้ผู้จัดการทีม คริส ไวล์เดอร์ ที่มีแทคติกการคุมทีมคล้ายกับฌอน ไดซ์ เมื่อพูดถึงเรื่องระบบการเล่น เขาไม่น่าจะมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งกองกลางของ เบิร์นลี่ย์ ในทางกลับกันถ้าทีมต้องการตัวช่วยในแดนกลาง หากไม่มีแจ็ค คอร์กกองกลางที่ได้รับบาดเจ็บ เดอะ คลาเร็ตส์ ต้องจับคู่กองกลาง จอช บราวน์ฮิลล์และแอชลีย์ เวสต์วู้ด การเซ็นสัญญาใหม่ เดล สตีเฟ่นส์ อาจจะไม่เกิดขึ้นเมื่อแข้งวัย 31 ปีได้ลงสนามเพียงสามเกมเท่านั้นในฤดูกาลนี้ ลุนด์สตรอมสามารถยิงประตูได้เช่นกันเนื่องจากกองกลางทำ 3 แอสซิสต์และยิง 5 ประตูให้ตัวเองในฤดูกาล 2019/20 เบิร์นลีย์เป็นทีมที่บุกได้แย่ที่สุดในลีกฤดูกาลนี้โดยยิงไปแค่ 3 ประตูจาก 8 เกมในลีก เมื่อดู heatmap การเคลื่อนที่ของเขาจะเห็นว่ามิดฟิลด์ตัวกลางชอบเล่นทางด้านขวาของสนาม เบิร์นลีย์มีแดนกลางที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอย่าง โรเบิร์ต เบรดี้, จอช บราวน์ฮิลล์และโยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน ทั้งสามคนยิงได้เพียง 1 ประตูและแอสซิสต์ 1 ครั้งจากการลงสนามรวมกัน 23 เกม เขาสามารถยิงประตูและจ่ายบอลแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมได้ ด้วยอายุเพียง 26 ปีชาวอังกฤษนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาน่าจะโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมในเกมฟุตบอลแล้ว สามารถติดตามข่าวกีฬาทั่วโลก ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น อีกมากมายในเว็ปไซต์เพิ่มเติมได้ อยากให้ไปแขวนสตั๊ดทีมไหน! “เป๊ป” เผยฝันอยากร่วมงานกับดาวยิงอีกครั้ง“ดาบิด เดเคอา” รัก แมนฯยู เปรียบเหมือนเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง“ไวจ์นัลดุม” คิดหนัก! หลัง ลิเวอร์พูล ยื่นสัญญาฉบับใหม่พร้อมอัพค่าเหนื่อย