• ข่าวฟุตบอล

0

                ดาร์วิน นูนเญส มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้หลังจากที่ตัดสินใจย้ายจากเบนฟิก้า ในประเทศโปรตุเกส ร่วมทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร โดยที่การเล่นให้กับทีม ลิเวอร์พูล ฤดูกาลแรกของเขานั้นก็ต้องบอกว่ามันอยู่ในช่วงของการปรับตัว ซึ่งก็ถือว่าเขาก็เริ่มทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงพักเบรคของการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเขาก็ต้องเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกโดยเป็นตัวหลักของทีมชาติอุรุกวัย                  และการเป็นผู้เล่นที่ต้องแบกรับความคาดหวังของทีมชาติอุรุกวัยไปโดยปริยาย โดยเขาก็ถูกเลือกลงสนามในฐานะผู้เล่นตัวหลักของทีม ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงแล้วมันก็มีความกดดันอยู่พอสมควรกับการที่ทีมชาติอุรุกวัยนั้นก็เป็นทีมที่มีนักฟุตบอลกองหน้าในระดับโลกอยู่ถึง 2 คนด้วยกัน "ดาร์วิน นูนเญส" กับการที่ต้องรับบทบาทหนักในอนาคตแทนกองหน้ารุ่นพี่                 ดาร์วิน นูนเญส การที่เขานั้นเป็นกองหน้าของทีมชาติอุรุกวัยข่าวกีฬาทั่วโลก ก็ต้องยอมรับว่าต้องเผชิญกับความกดดันอยู่พอสมควรเนื่องจากว่ากองหน้าของทีมชาติอุรุกวัยที่เป็นรุ่นพี่ของเขานั้นและปัจจุบันยังติดทีมชาติอุรุกวัยเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยก็มีทั้ง เอดิสัน คาวานี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งทั้งสองนั้นจัดได้ว่าเป็นกองหน้าฝีเท้าระดับโลกที่ได้รับการยกย่องมากมายแต่ปัจจุบันก็ด้วยอายุที่อยู่ในช่วงปลายอาชีพทำให้ปีเท่านั้นก็ลดประสิทธิภาพลงและก็ถือได้ว่าการลงสนามในฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของทั้งสองคน                 ซึ่งก็ทำให้ ดาร์วิน นูนเญส จะต้องกลายมาเป็นผู้เล่นที่สืบทอดตำแหน่งกองหน้าของทีมชาติอุรุกวัยต่อจากสุดยอดของหน้ารุ่นพี่ทั้งสองคน ซึ่งแน่นอนว่ามันก็มาพร้อมกับความกดดันแต่ก็ด้วยปัจจุบันเขาอายุแค่ 23 ปียังมีโอกาสหาประสบการณ์และพัฒนาฝีเท้าขึ้นอีกมากซึ่งอนาคตข้างหน้ามันก็อาจจะเป็นวันของเขา  “หลุยส์ฟิโก้” แผนของเปเรซ จุดเริ่มต้นยุคกาลาติกอส แบนแฟนบอล ที่ทำผิดกฎ พรีเมียร์ลีกสั่งแบน “นอร์เวย์” ฮาแลนด์ ยิงหนึ่งแต่พาพ่าย สโลวีเนีย “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เอวร่า ระบุ หมดข้ออ้างหากพลาด ยูซีแอล

• ข่าวฟุตบอล
• พรีเมียร์ลีก

0

                สำหรับทีม เชลซี อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ของ ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งถือว่าพวกเขานั้นก็เป็นทีมที่ในอดีตมักจะใช้ผู้เล่นจากต่างแดนซื้อตัวเข้ามา ซึ่งทำให้ทีมเชลซีมักจะไม่ค่อยมีนักเตะอังกฤษอยู่ในทีมมากนักแต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อทีมเชลซีได้ใช้งานนักเตะอังกฤษเพิ่มมากขึ้นซึ่งมันก็มีทั้งนักเตะที่ก้าวขึ้นมาจากอะคาเดมี่ของทีมรวมไปถึงการซื้อตัวเข้ามาเสริมทัพ และทำให้ทีมเชลซีนั้นก็มีนักเตะอังกฤษที่มีโอกาสได้ติดทีมชาติอังกฤษเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นี้ด้วยหลายคนเลยทีเดียวซึ่งวันนี้เราจะมาดูว่ามีใครกันบ้าง 3 นักเตะ จาก เชลซี กับการรับใช้ ทีมชาติอังกฤษ ฟุตบอลโลก 2022                 ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกดาวดังที่มีความเร็วสูงวัย 27 ปีผู้นี้เพิ่งย้ายมาร่วมทีม เชลซี แบบสดๆร้อนๆในช่วงต้นฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านมา ข่าวกีฬาทั่วโลกถือได้ว่าเขาก็เป็นอีกหนึ่งขาประจำของทีมชาติอังกฤษก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมเชลซีแล้วและในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นี้เขาก็ยังได้รับความไว้วางใจให้ลงสนามในฐานะตัวจริงเช่นเดิมด้วยสไตล์การเล่นที่มีทักษะดีและความรวดเร็ว                  คอนเนอร์ กาลาเกอร์ กองกลางวัย 22 ปีของทีมเชลซีถือได้ว่าเขาก็เติบโตมาจากอะคาเดมี่ของทีมเชลซีและในฤดูกาลนี้ถูกเรียกตัวกลับมาสู่ทีมเชลซีหลังจากที่ในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมานั้น ได้ถูกปล่อยยืมและทำผลงานได้ดีจนทำให้ เชลซี นั้นต้องเรียกตัวกลับมาร่วมทีมชุดใหญ่ทำให้เขานั้นก็มีโอกาสได้ติดทีมชาติอังกฤษลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 นี้ด้วย                  เมสัน เมาท์ กองกลางวัย 23 ปี เป็นอีกหนึ่งคนที่ก้าวขึ้นมาจากอะคาเดมี่ของทีม เชลซี ถึงแม้ว่าปัจจุบันเขาก็เป็นผู้เล่นกำลังหลักของทีมเชลซีและทีมชาติอังกฤษด้วยเช่นเดียวกันถึงสไตล์การเล่นนั้นก็เป็นผู้เล่นที่มีความขยันและมี passion สูงรวมไปถึงการผ่านบอลและการยิงประตูที่เฉียบคมซึ่งทำให้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 นี้เขาก็ไม่พลาดที่จะได้ลงสนามในฐานะตัวจริง  “เนย์มาร์” สุดงง โดนเชิ้ตดำแจกใบเหลืองเพราะท่าฉลองประตู แบนแฟนบอล ที่ทำผิดกฎ พรีเมียร์ลีกสั่งแบน “นอร์เวย์” ฮาแลนด์ ยิงหนึ่งแต่พาพ่าย สโลวีเนีย “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เอวร่า ระบุ หมดข้ออ้างหากพลาด ยูซีแอล

• ข่าวฟุตบอล

0

                ไม่ว่าจะเป็นในยุคไหนก็ตาม ความเกลียดชังระหว่างแฟนบอลบาร์เซโลน่าและรีลมาดริดก็ยังคงอยู่ ว่ากันว่าความต้องการสูงสุดของแฟนบอลทั้งสองทีมนี้ ไม่ใช่การที่ทีมของตนเองประสบความสำเร็จ แต่อยากจะให้ทีมคู่แข่งพังพินาศเสียมากกว่า และการชิงไหวชิงพริบชิงเหลี่ยมแข่งขันกันทั้งในเรื่องของในสนามนอกสนามก็มีมาอย่างต่อเนื่อง  การย้ายข้ามฝั่งของสตาร์โปรตุเกสอย่าง หลุยส์ฟิโก้ เป็นคำอธิบายในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะคงไม่มีใครในเวลานั้นคิดว่าซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของทีมในแคว้นกาตาลัน จะยินยอมย้ายข้ามฟากโดยตรง ไปซบกับที่เกลียดชังไม่เผาผีกันขนาดนั้นได้ แต่แผนของเปเรซ ประธานสโมสรรีลมาดริดในเวลานั้น ก็ใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้เกิดดีลช็อคโลกครั้งนี้ และเมื่อลงรายละเอียดก็พบว่าความแสบของประธานคนนี้ เรียกได้ว่าไม่แพ้ใครเลยทีเดียว แผนของเปเรซ กระชากตัว หลุยส์ฟิโก้ ร่วมทีม                 ช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายของทีมรีลมาดริด ที่ในขณะนั้นข่าวกีฬาทั่วโลก เริ่มมีการหาเสียงคัดเลือกประธานสโมสร โฟลเรนติโน เปเรซ เป็นหนึ่งในผู้สมัครรับการคัดเลือกเขาได้ทำการสำรวจความต้องการของแฟนบอลชุดขาวและพบว่ามีความต้องการอยากจะได้ตัว Star หมายเลข 1 ของทีมคู่แข่ง ดังนั้น แผนของเปเรซ จึงเริ่มต้นตั้งแต่เวลานั้น แต่ตัวของเปเรซเองไม่สามารถติดต่อเอเย่นของซิโก้ได้โดยตรง จึงทาบทามไปยังอดีตตำนานนักเตะทีมชาติโปรตุเกสอย่างฟูเต้ เพื่อส่งต่อเรื่องนี้ไปยังเอเย่นต์ของ Figo คือ VEGA ที่ครั้งแรกนั้นเวก้าไม่ยอมรับฟังข้อเสนอรวมทั้งตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง เนื่องจากมองว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และไร้สาระที่สุด แต่ในเวลาต่อมาเมื่อจำนวนเงินถูกพูดถึงเรื่องนี้ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ                เมื่อติดต่อกับเวก้าได้แล้ว แผนของเปเรซ จึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เขาได้มีการเซ็นสัญญากับเอเย่นต์รายนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าหากตัวเขาเองได้เป็นประธานสโมสรรีลมาดริด  ซึ่งเวก้าเองก็คิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ฟิโก้จะต้องย้ายมาอยู่รีล มาดริด แต่หากไม่ได้รับการคัดเลือก เวก้าจะได้รับเงินกินเปล่าที่มีมูลค่าสูงถึง 30 ล้านยูโรซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงมากในขณะนั้น แต่ถ้าหากใครผิดสัญญาก็ต้องจ่ายให้อีกฝ่าย 30 ล้านยูโรเช่นเดียวกัน                 แรกเริ่มเดิมทีหลุยส์ ฟิโก้ไม่สนใจ แผนของเปเรซ แต่โจน ลาร์ปอร์ต้า ซึ่งเป็นประธานสโมสรบาร์เซโลน่าในขณะนั้น ไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาตามความเหมาะสมมากเพียงพอ เพราะมีการบ่ายเบี่ยงเรื่องการต่อสัญญามาตลอด จึงทำให้สตาร์ชาวโปรตุเกสเริ่มเอนเอียง และถึงแม้ว่าเขาจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับลาปอร์เต้โดยตรง แต่ก็เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่เนื่องจากมองว่ามีสิทธิ์เหนือกว่านักเตะอยู่แล้ว ทำให้ดีล การย้ายตัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และบาร์เซโลน่าไม่อาจทัดทานได้  “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เอวร่า ระบุ หมดข้ออ้างหากพลาด ยูซีแอล “แฮร์รี่ เคน” กองหน้าทีมชาติอังกฤษ มีข่าวย้ายไปร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค “เนย์มาร์” สุดงง โดนเชิ้ตดำแจกใบเหลืองเพราะท่าฉลองประตู “โกเมส” กองกลาง ฟลาเมงโก ประกาศอยากย้ายซบ ลิเวอร์พูล

• ข่าวฟุตบอล
• พรีเมียร์ลีก

0

               ท่ามกลางความสนใจ ของบรรดาผู้คนที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล ที่ในวันนี้อาจจะมีการติดตามข่าวผลการแข่งขันของฟุตบอลรายการเนชั่นลีก และช่วงเวลาที่สโมสรพักเบรคหลีกทางให้กับเกมทีมชาติ นักบอลหลายๆคนก็กลับไปร่วมทีมบ้านเกิด ต่างก็มีผลงานที่ดีและย่ำแย่แตกต่างกันไป แต่ข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ ที่ทางฟีฟ่ากำหนดกฎระเบียบใหม่ ที่เกี่ยวกับการ แบนแฟนบอล ที่สร้างผลกระทบต่อการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งลงไปในสนามการจุดพลุไฟ ซึ่งถือว่าเป็นการกำหนดมาตรการป้องกันความปลอดภัยของนักเตะ และทำให้เกมไหลลื่น รวมทั้งยังวางมาตรการที่มีบทลงโทษที่สูงขึ้น รวมทั้งหากเป็นเยาวชน ก็จะส่งผลทำให้ผู้ปกครองต้องรับรู้รับทราบ และได้รับโทษเช่นเดียวกัน วางมาตรการ แบนแฟนบอล เพื่อสร้างความปลอดภัย                 หากใครเป็นคอบอล คงจะเคยเห็นบรรดากลุ่มคนที่อาจจะเรียกว่าทำสถิติ เรียกร้องความสนใจ หรือทำเพื่อที่จะให้ตนเองมีชื่อเสียง ได้รับการถ่ายทอดไปทั่วโลก วิธีการต่างๆมีมากมายแต่ที่เห็นกันได้อย่างบ่อยครั้ง ก็คือการวิ่งลงไปในสนามในระหว่างการแข่งขันข่าวกีฬาทั่วโลก สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นที่ตลกขบขันต่อสายตาผู้ชมบางส่วน แต่ทางสมาคมฟุตบอลระดับโลกไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะหากมีการพกพาอาวุธเข้าไปทำร้ายนักเตะ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องใหญ่ และในวันนี้ก็เกิดมาตรการแบนแฟนบอล ที่มีการกระทำที่เข้าข่ายพฤติกรรมแบบนี้ เพื่อทำให้เกมฟุตบอลมีทั้งความปลอดภัย และสร้างมาตรฐานดีๆไม่ให้ใครหรือเยาวชนทำตาม                การทำผิดกฎของแฟนบอล มีมากมายหลากหลายรูปแบบ อาจจะมีทั้งแบบที่สร้างผลกระทบต่อตัวนักเตะโดยตรง แฟนบอลทีมตรงข้าม หรือก่อเหตุรำคาญ เกี่ยวกับประเด็นนี้ทางพรีเมียร์ลีก ได้มีการเรียกประชุมบรรดาสโมสรในสังกัดเพื่อพูดคุยถึงประเด็นแบนแฟนบอล เหล่านี้และกำหนดบทลงโทษให้เหมาะสม โดยจะมีการแบรนด์แฟนบอลที่มีการพกพาอาวุธมีระเบิดควันหรือมีการจุดพลุ รวมทั้งวิ่งลงไปในสนามช้างในระหว่างการแข่งขันและช่วงเวลาอื่นๆโดยมีการกำหนดโทษแบนอัตโนมัติเป็นระยะเวลา 1 ปี                 มติแบนแฟนบอล ที่ก่อเหตุในลักษณะต่างๆ ไม่ได้รับผลกระทบเฉพาะตัวผู้กระทำผิดแต่เพียงอย่างเดียว หากผู้กระทำผิดเป็นเยาวชน ทางสโมสรอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องแบนผู้ปกครองด้วยเช่นเดียวกัน และไม่ว่าจะเป็นเกมทีมเหย้าหรือทีมเยือน บทลงโทษนี้ก็จะมีผลเหมือนๆกัน ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นมาตรการห้ามปรามเยาวชนที่มีความคึกคะนอง เพราะหากเกิดเหตุร้ายใดๆขึ้นมา สโมสรต้นสังกัดจำเป็นจะต้องแบกรับความรับผิดชอบ และทุกคนคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเสียใจจึงมีการป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เอวร่า ระบุ หมดข้ออ้างหากพลาด ยูซีแอล ฟิลลิปส์ ส่อชวดติดทัพ “สิงโตคำราม” ลุย ฟุตบอลโลก 2022 “เนย์มาร์” สุดงง โดนเชิ้ตดำแจกใบเหลืองเพราะท่าฉลองประตู “โกเมส” กองกลาง ฟลาเมงโก ประกาศอยากย้ายซบ ลิเวอร์พูล

• ข่าวฟุตบอล

0

                 ช่วงเวลานี้แฟนบอลในระดับสโมสร ก็คงจะเงียบเหงาไปสักหน่อย เนื่องจากการแข่งขันในนามทีมชาติมาเข้าจังหวะ นักเตะชื่อดังหลายคนเดินทางกลับไปร่วมทีมบ้านเกิด หลายคนทำผลงานได้ดีหลายทีมมีผลงานย่ำแย่ นักเตะที่อาจจะฟอร์มเปรี้ยงปร้างกับระดับสโมสร แต่เมื่อกลับไปเล่นให้กับทีมบ้านเกิด ที่อาจจะไม่มีเพื่อนร่วมทีมที่มีคุณภาพมากนักก็อาจจะไม่สามารถทำผลงานที่ดีได้ ทีมชาติ นอร์เวย์ ก็เช่นเดียวกัน ที่ถึงแม้ว่าจะมีสตาร์เบอร์ 1 ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ และทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ผ่านไป 7 นัดยิงได้ 11 ประตู ซ้ำยังยืนแฮตทริกได้แล้ว 2 ครั้ง รวมไปถึงการมีกองกลางตัวบัญชาการเกมอย่ามาติบริการของอาร์เซน่อล ที่ถือว่าเป็นนักเตะเบอร์ต้นๆของโลก แต่ก็ประสบกับความพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติสโลวีเนียเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา นอร์เวย์ แพ้แต่ยังรั้งอันดับ 1                  ฟุตบอลเนชั่นลีกเมื่อคืนนี้ทีมชาตินอร์เวย์ ต้องออกไปเยือนทีมชาติสโลวีเนีย ที่สนามสตาดิโอน สโซิเซ ที่อาจมีสถิติย่ำแย่แข่ง 4 นัดยังไม่ชนะใครเลยข่าวกีฬาทั่วโลก แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ทำร้ายยังพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์รวม 2 ประตูต่อ 1 ซึ่งถึงแม้ว่าในขณะนี้นอร์เวย์ยังเป็นอันดับ 1 ของตารางที่เพิ่งพ่ายแพ้แค่เพียงนัดเดียว หลายอย่างอาจจะเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ทั้งเรื่องการพักตัวของนักเตะ และนักเตะตัวหลักที่เป็น Stars ของสโมสรดัง อาจจะมีสภาพความฟิตไม่เต็มร้อย                ถึงแม้ว่าทีมชาตินอร์เวย์ จะทำประตูได้ 1 ประตูจากเออร์ลิ่งเบราต์ฮาแลนด์ เมื่อเริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงไม่เท่าไหร่ ซึ่งจังหวะนี้ฮาแล่น กดด้วยขวาพาทีมนำไปก่อน แต่ในเวลาต่อมา เบนจามิน เซสโก้ ก็เปิดบอลเข้ากลางให้อันดราซ สโปร่า ชาร์จเต็มก็ไม่พลาดตามตีเสมอได้ 1 ประตูต่อ 1 และก่อนจบเกมแค่เพียง 10 นาทีก็เป็นเซตคู่เจ้าเดิมที่ยิงแซงเอาชนะไปได้  ในนัดนี้ถึงแม้ว่านอร์เวย์จะมีทั้งฮาแล่นและจอมทัพอาร์เซนอลแต่ ก็ไม่สามารถเอาชนะทีมสโลวีเนียได้ และดาวเด่นตัวสำคัญอย่าง เบนจามิน เซสโก้  ที่เป็นเป้าหมายของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ดาวรุ่งที่มีทั้งความแข็งแกร่งมีความสูงใหญ่และมีความเร็วยิง 1 จ่าย 1 ช่วยให้ทีมเอาชนะในนัดแรกไปได้                  ความพ่ายแพ้ในนัดนี้ของนอร์เวย์ อาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบเท่าไหร่ เพราะในที่สุดก็ยังเป็นอันดับ 1 ของตาราง แต่ความสำคัญในเรื่องของคะแนนก็ทำให้ทีมสโลเวเนียหายใจคล่องมากยิ่งขึ้นเมื่อเก็บเพิ่มได้เป็น 5 คะแนน และทำอันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของกลุ่ม B ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลานี้กองหน้าดาวรุ่งคนใหม่ของโวล์ฟบวก ที่ถึงแม้จะเป็นเป้าหมายสำคัญของทีมยักษ์ใหญ่มาก่อน วันนี้ก็แสดงความสามารถให้ตนเองมีความน่าสนใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เอวร่า ระบุ หมดข้ออ้างหากพลาด ยูซีแอล ฟิลลิปส์ ส่อชวดติดทัพ “สิงโตคำราม” ลุย ฟุตบอลโลก 2022 “ซาสซูโอโล่”บุกชนะโตริโน่ 2-1 ขึ้นที่ 10 มาร์ติเนซ ซัดทดเจ็บ! สเปเซีย เปิดบ้านเชือดซามป์โดเรีย 2-1 ขึ้นที่ 11 “เอ็นโซล่า” ซัดชัย!

• ข่าวฟุตบอล
• พรีเมียร์ลีก

0

ปาทริซ เอวร่า อดีตตำนานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงให้ความคิดเห็นถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองของ “ปีศาจแดง” ว่า ไม่มีโอกาสยกข้อแก้ตัวข้อไหนมาอ้างอีกแล้ว หากว่าในฤดูกาลนี้พวกเขาพลาดการได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วยบอลสโมสรใบใหญ่สุดของยุโรปไปครอง หลังจากขุมกำลังของ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดเมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ สถานการณ์บังคับให้ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ต้องได้แชมป์                 อาจจะบอกได้ว่าหลังจากที่พวกเขาทุ่มเงินจำนวน 60 ล้านยูโรในการดึงตัว เออร์ลิ่ง เบราท์ - ฮาแลนด์ มาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา นั่นคือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะนำพา แมนเชสเตอร์ซิตี้ ทะยานขึ้นสู่คำว่าเจ้ายุโรปทันที และจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ กระหน่ำไปแล้ว 14 จากการลงเล่น 10 นัดในทุกรายการ จึงทำให้สื่อหลายสำนักรวมถึงตัวของ เอวร่า เองมองว่า เป็ป กวาร์ดิโอล่า จำเป็นจะต้องพาทีมเป็นแชมป์ให้ได้เท่านั้น และหากพวกเขาพลาดขึ้นมา ก็ไม่มีโอกาสที่จะเอ่ยคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นข่าวกีฬาทั่วโลก เนื่องจากหากเทียบกำลังของทีมในเวลานี้ “เรือใบสีฟ้า” ถือว่าฟูลทีมที่สุดแล้วในบรรดาทีมใหญ่จากอังกฤษและของยุโรป เอวร่า เชื่อ ฮาแลนด์ คือเหตุผลที่ต้องแชมป์                 โดยในเรื่องนี้ เอวร่า ที่เคยค้าแข้งอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อริของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยว่า “พวกเขาต้องแชมป์เท่านั้น ยูซีแอล คือสิ่งที่หลายๆ ทีมต้องการและในปีนี้ แมนฯ ซิตี ดูมีภาษีมากสุดดังนั้นพวกเขาต้องได้แชมป์ การได้ ฮาแลนด์ ไปทำให้เกมรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่ากลัวมากขึ้น และทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบมากขึ้น ผมยืนยันได้เลยว่า ฮาแลนด์ คือข้อบังคับที่ทำให้พวกเขาต้องคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก มาให้ได้ ครั้งก่อนที่พวกเขาพ่ายให้กับ เชลซี เป็ปต้องส่งนักเตะลงสนามโดยที่ไร้กองหน้า แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนกัน พวกเขาไม่มีข้ออ้างใดๆ อีกแล้ว หลังจากได้ตัว ฮาแลนด์ ไป ฟิลลิปส์ ส่อชวดติดทัพ “สิงโตคำราม” ลุย ฟุตบอลโลก 2022 “เนย์มาร์” สุดงง โดนเชิ้ตดำแจกใบเหลืองเพราะท่าฉลองประตู “โกเมส” กองกลาง ฟลาเมงโก ประกาศอยากย้ายซบ ลิเวอร์พูล สเปเซีย เปิดบ้านเชือดซามป์โดเรีย 2-1 ขึ้นที่ 11 “เอ็นโซล่า” ซัดชัย!