“เปเล่” สมบัติแห่งชาติ บราซิล ผู้สร้างตำนานไม่รู้จบ ในโลกฟุตบอล

เปเล่

                ย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้ว มีนักฟุตบอลคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “สมบัติแห่งชาติบราซิล” เขาเป็นคนที่ฉายแววการเป็นยอดนักฟุตบอลตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และก้าวมาเป็นยอดนักเตะได้ในเวลาไม่นาน จนทำให้รัฐบาลประเทศบราซิลต้องยกให้เป็นสมบัติแห่งชาติเพื่อไม่ให้นักเตะย้ายไปเล่นที่อื่น นามของนักเตะคนนี้ “เปเล่” "เปเล่" ที่ได้รับการยกย่องถึงขั้นเป็น สมบัติแห่งชาติบราซิล                 นักฟุตบอลในประเทศบราซิลมีมากมายหายคน แต่ทำไมต้องเป็น เปเล่ ที่ได้รับการยกย่องถึงขั้นเป็น สมบัติแห่งชาติบราซิล ต้องย้อนไปก่อนหน้านั้นไม่นานฟุตบอลในบราซิลไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่หลังจากนั้นไม่นานเมื่อ จุสเซลิโน คูบิสต์เช็ก เข้ามาปกครองประเทศทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ประกอบกับตอนนั้น เปเล่ เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจากการเล่นให้กับ ซานโต๊ส และพาทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1958 มาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทำให้เขาถูกจับตามองจากรัฐบาลมากขึ้น                  จนกระทั่งเขานำทีมบ้านเกิดครองแชมป์โลก สมัยที่ 2 ในปี 1962 ข่าวลือการย้ายทีมไปเล่นในยุโรปเริ่มสะพัดมากขึ้น ซานโต๊ส ที่ไม่อยากจะสูญเสียนักเตะคนสำคัญไป จึงหารือกับรัฐบาลในเรื่องของการรั้งเปเล่ให้อยู่ในบราซิลต่อไป รัฐบาลจึงยกย่องให้เขาเป็น “สมบัติแห่งชาติบราซิล” ปิดหนทางที่ยอดนักเตะรายนี้จะไปค้าแข้งนอกประเทศลงอย่างไม่มีใครกล้าคัดค้าน แม้แต่ตัวเปเล่เองที่ออกมายอมรับไม่อยากไปเล่นที่อื่นเพราะครอบครัว แต่เหตุผลจริงๆ แล้วมาจากบอร์ดบริหารของต้นสังกัดกับรัฐบาล                 19 ปีที่เล่นให้กับ ซานโต๊ส อายุของ เปเล่ เพิ่มขึ้นเรื่อยจนสโมสรอยากจะปล่อยออกจากทีมจึงขอให้รัฐบาลยกเลิกการเป็น สมบัติแห่งบราซิล ให้กับเปเล่  ทำให้เขาได้ย้ายมาเล่นให้สหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขายังเก่งอยู่หรือเปล่าเพราะตอนนั้นลีกของอเมริกาเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน แม้ตอนนี้ เปเล่ จะได้ไม่เป็นตัวเด่นในบราซิลอีกแล้ว แต่สำหรับแฟนบอลซานโต๊สและบราซิล ยังคงยกย่องให้เขาเป็นสมบัติที่แสนจะล้ำค่าไปตลอดกาล สามารถติดตามข่าวกีฬา ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น มากมายในเว็ปไซต์ได้เพิ่มเติม ทำไม “แดนนี่ โรส” ถึงต้องถูกตำรวจเรียกตลอดเวลาที่ขับรถยนต์บนท้องถนนคนนี้แหละเจ๋งที่สุด “โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” ถูกซูฮกเป็นเเข้งที่ทุกทีมควรคว้าตัวตกลงกันได้เสียที! ต้นสังกัดแข้ง “ซานโช่” ขานหน้ารับสัญญาฉบับใหม่

VAR มีประโยชน์ ช่วยการตัดสิน ในโลกฟุตบอลจริงหรือไม่

                ในโลกของฟุตบอลในยุคปัจจุบันนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไปและต่างออกไปจากอดีต โดยฟุตบอลในยุคปัจจุบันนั้นได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตัดสิน หนึ่งในเทคโนโลยีที่ว่านั้น คือเทคโนโลยี VAR หรือที่ย่อมาจาก Video Assistant referee หมายถึงการ การตัดสินจังหวะเจ้าปัญหา จังหวะก่ำกึ่ง หรือ จังหวะ 50-50 โดยใช้วีดีโอที่บันทึกภาพมาช่วยตัดสิน ซึ่งบางคนก็เห็นด้วยเนื่องจากมองว่ามีการตัดสินอย่างยุติธรรม แต่บางส่วนก็ไม่เห้นด้วยเนื่องจากมองว่าจะทำให้สเน่ห์ของฟุตบอลนั้นหายไป                 โดย VAR หรือ Video Assistant referee เริ่มใช้เป็นครั้งแรกใน เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ ในอเมริกา เมื่อปี 2016  ซึ่งก็ถือว่ากระแสตอบรับเป็นไปในทิศทางบวก เมื่อกระแสตอบรับเป็นไปในทางบวก เมื่อVAR เป็นที่ยอมรับมากขึ้นฟุตบอลลีกอาชีพหลายๆลีกในยุโรปรวมถึงเอเชียก็ได้นำเทคโนโลยีVAR เข้ามาช่วยในการตัดสิน รวมถึงเกมการแข่งขันในระดับนานาชาติ โดยเทคโนโลยีVAR ได้ช่วยให้การตัดสินและเป็นไปอย่างยุติธรรมในการแข่งขันฟุตบอลในการแข่งขัน ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ในฤดูกาล 2018-2019 เป็นการพบกันของสเปอร์สและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยในจังหวะนั้น ราฮีม สเตียร์ริ่ง ผู้เล่นของฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถทำประตูได้ แต่พอเช็ดจากVAR พบว่า ราฮีม สเตียร์ริ่ง อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แม้ว่า VAR จะเป็นที่ยอมรับพอสมควรในฟุตบอลยุคปัจจุบัน                 แต่ก็มีหลายๆจังหวะที่มองว่าVAR ก็ตัดสินผิดพลาด ยกตัวอย่างหนึ่งเหตุการณ์ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์VAR และการทำงานของผู้ตัดสินในสนามอย่าง มาร์ติน แอคินสัน โดยในนัดนั้นเป็นการแข่งขันพรีเมียร์ลีกเป็นการพบกันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ ลิเวอร์พูล  โดยในจังหวะนั้น วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ กองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าสกัด โอริกี้ กองหน้าของลิเวอร์พูลจากข้างหลัง แต่ไม่ได้ฟาล์ว จนเป็นจังหวะขึ้นนำของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งหลังจากนั้นการใช้VAR ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก                 แม้ว่าในโลกฟุตบอลในยุคปัจจุบันนี้จะมีเสียงตอบรับทั้งทางด้านบวกและทางด้านลบในการนำเอาเทคโนโลยีVAR หรือ Video Assistant referee มาช่วยในการตัดสิน ทั้งจากทางแฟนบอล ทางโค้ช หรือแม้กระทั่งทางฝั่งของตัวนักเตะเอง แต่ทางประธาน FIFA ได้กล่าวว่าVAR ไม่ได้มีไว้เพื่อแก้ไขคำตัดสินแต่อย่างใด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกรรมการในสนามว่าจะเรียกดูVAR หรือไม่ และเมื่อดูVAR แล้ว ผู้ตัดสินจะเปลี่ยนคำตัดสินหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้ตัดสิน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการใช้VAR มาช่วยในการตัดสิน มีทั้งฝ่ายที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ จึงทำให้มีฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และต้องดูกันต่อไปว่าการใช้VAR นั้นจะมีการปรับปรุงให้เหมาะสมยังไงกับยุคปัจจุบัน สามารถติดตามข่าวกีฬา ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น มากมายในเว็ปไซต์ได้เพิ่มเติม ทำไม “แดนนี่ โรส” ถึงต้องถูกตำรวจเรียกตลอดเวลาที่ขับรถยนต์บนท้องถนนคนนี้แหละเจ๋งที่สุด “โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่” ถูกซูฮกเป็นเเข้งที่ทุกทีมควรคว้าตัวตกลงกันได้เสียที! ต้นสังกัดแข้ง “ซานโช่” ขานหน้ารับสัญญาฉบับใหม่