สงครามกุหลาบ – ตำนานเล่าขานของ ปีศาจแดง กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด (ตอน 2)

ลีดส์ ยูไนเต็ด

ด้วยเหตุเริ่มต้นมาจากเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้ในยามที่ทั้งสองสโมสรมีโอกาสได้ลงปะทะกันเมื่อไร ก็มักจะถูกจับ ‘สุมไฟ’ โยงความแค้นเป็นดังฟืน เข้าไปในกองไฟในสงคราม จนเป็นที่มาของ ‘สงครามกุหลาบ’  ในวงการฟุตบอลไปโดยปริยาย ซึ่งในการเจอกันระหว่าง ‘ปีศาจแดง’ กับ ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ จึงได้รับความสนใจจากแฟนบอลของทั้งคู่ ในการเข้ามาดูสงครามที่ทั้งสองทีมใส่ ‘สตั๊ด’ แทนดาบ ลงสนามรบห้ำหั่นกัน  เมื่อแฟนบอลรุ่นเยาว์ในยุคนี้ได้ยินชื่อของ ลีดส์ ยูไนเต็ดก็คงจะเคยเห็นแค่ว่าเป็นทีมที่วนเวียนอยู่ในลีกรองของประเทศอังกฤษ และแม้จะเคยได้ยินชื่อเสียงความยิ่งใหญ่ผ่านหูมาบ้าง แต่ก็คงจะนึกไม่ออกว่าทีม ๆ นี้ เคยยิ่งใหญ่เพียงใดในอดีต ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ ไม่ใช่ทีมที่มีชื่อเสียงในฐานะแค่ว่าเป็นอริกับปีศาจแดงเท่านั้น แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง พวกเขาก็เคยเป็นทีมยักษ์ใหญ่ที่โลดเล่นอยู่บนลีกสูงสุดของอังกฤษอย่างยาวนาน ต่อสู้แย่งแชมป์กับทีมใหญ่ทีมอื่นอยู่ตลอด และแชมป์ลีกสูงสุดก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1991/92 ก็เป็น ลีดส์ ยูไนเต็ดทีมนี้ที่คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ ส่วนในฟุตบอลยุโรปที่ใหญ่ที่สุดอย่าง ‘ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก’ พวกเขาก็เคยไปไกลที่สุดถึงรอบรองชนะเลิศในปี 2001 อีกด้วย โดยเรื่องความสำเร็จในวงการลูกหนังนั้น ทั้งสองทีมก็ชิงดีชิงเด่นกันมาหลายยุคหลายสมัย โดยฤดูกาล 1964/65 ‘ปีศาจแดง’ ที่กุมบังเหียนโดย ‘เซอร์ แมตต์ บัสบี้’ ได้มาเจอกับ ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ ที่คุมทัพโดย ‘ดอน เรวี่’  ในศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่ ฮิลล์สโบโร่ "ลีดส์ ยูไนเต็ด" ไปวางมวยกับ "เดนนิส ลอว์" แม้จะจบเกมด้วยสกอร์ต้มจืด ยิงกันไม่ได้สักลูก  แต่ไฮไลท์ความเดือดในเกมนั้นไปอยู่ที่จังหวะที่ ‘แจ็คกี้ ชาร์ลตัน’ เซ็นเตอร์แบคของ ลีดส์ ยูไนเต็ดไปวางมวยกับ ‘เดนนิส ลอว์’ ของยูไนเต็ด และจากผลเสมอในเกมนี้ ทำให้ต้องไปเตะนัดรีเพลย์ ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น ‘ยูงทอง’ ที่เป็นฝ่ายชนะเข้ารอบชิงชนะเลิศไป  นอกจากนั้น ความแค้นในตลาดซื้อขายก็ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของสงครามกุหลาบนี้ เพราะตำนานของปีศาจแดงหลาย ๆ คนอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์, เอริค คันโตน่า รวมถึง อลัน สมิธ ก็ขโมยมาจากคู่ปรับอย่าง ลีดส์ ทั้งสิ้น ไหนจะยังมีประเด็นบาดหมางส่วนตัวรายคู่ ไม่ว่าจะเป็นคู่ของ ‘รอย คีน’ กับ ‘อาล์ฟ อิงเก้ ฮาแลนด์’ ที่ฝ่าย รอย คีน ได้รับบาดเจ็บ แต่ถูก ฮาแลนด์ กล่าวหาว่าสำออย ก่อนที่ รอย คีน จะไปเอาคืนในเกมต่อมา โดยการเสียบขาคู่ใส่ ฮาแลนด์ จนขาหัก จนเกือบต้องแขวนสตั๊ด ไหนจะยังมีคู่ของ ‘ร็อบบี้

สงครามกุหลาบ – ตำนานเล่าขานของ ปีศาจแดง กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด (ตอน 1)

ปีศาจแดง

หากย้อนกลับไปพูดถึงความบาดหมางระหว่างสโมสรของ ‘ปีศาจแดง’ แมนฯ ยูไนเต็ด แฟนบอลในยุคปัจจุบันก็คงนึกถึงแต่ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล หรือเพื่อนบ้านน่ารำคาญอย่าง ‘แมนฯ ซิตี้’ ที่เพิ่งจะมามีปากมีเสียงจากการเทคโอเวอร์ของกลุ่มทุนจากซาอุ หรือหากย้อนไปหน่อยก็อาจจะนึกถึง ‘อาร์เซนอล’ ที่นำโดยสองแม่ทัพอย่าง ‘รอย คีน’ และ ‘แพทริค วิเอร่า’ แต่หลังจากหมดยุคของสองตำนานดังกล่าว ความระอุในสนามก็ค่อย ๆ จางตามไปด้วย นอกจากนั้น ยังมีอีกหนึ่งทีมที่แฟนบอลสมัยใหม่หลายคนอาจไม่เคยรู้ ว่านอกจากทีมข้างต้นแล้ว ปีศาจแดงยังเคยมีอดีตที่เป็นศัตรูคู่แค้นกับ ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ แถมเรื่องราวความบาดหมางไม่ได้เกิดมาจากการชิงดีชิงเด่นกันในสนามเท่านั้น แต่ยังอิงมาจากประวัติศาสตร์จริงอีกด้วย และในฤดูกาลหน้านี้ทีม ‘ยูงทอง’ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็สามารถกระเสือกกระสนฝ่าอุปสรรคขวากหนามขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดบนเกาะอังกฤษได้อีกครั้ง นั่นหมายถึงการกลับไปเจอกันอีกครั้งกับอริอย่าง ยูไนเต็ด และเพื่ออรรถรสในการรับชมฟุตบอลของแฟนบอลสมัยใหม่ที่ยังไม่เคยทราบเรื่องราว บทความนี้จะพาย้อนไปถึงตำนานความบาดหมางของอดีตสองทีมที่เคยยิ่งใหญ่ในยุคอย่าง ‘แมนฯ ยูไนเต็ด’ และ ‘ลีดส์ ยูไนเต็ด’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘สงครามกุหลาบ’ นั่งไทม์แมชชีนกลับไปในช่วงปี 1455 -1485 เวลานั้น แดนผู้ดีอย่างประเทศอังกฤษ ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น จากการทะเลาะกันของตระกูลราชวงศ์ ‘แพลนทาเจนเนต’ แห่งราชสกุล ‘แลงคาสเตอร์’ ที่ครองแผ่นดินอยู่ในตอนนั้น นำโดย ‘พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6’ ซึ่งมีสัญลักษณ์ประจำตระกูลเป็น ‘กุหลาบแดง’ และไม่ลงรอยกับ ‘ริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์ค’ แห่งราชสกุล ‘ยอร์ค’ โดยมีสัญลักษณ์ของตระกูลเป็น ‘กุหลาบขาว’ นี่คือที่มาเริ่มต้นของ ‘สงครามกุหลาบ’ ‘ริชาร์ด’ ได้อ้างสิทธิ์ในการครองบัลลังก์ของ ‘พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6’ โดยอ้างว่า ‘ดยุคแห่งแลงคาสเตอร์’ ผู้เป็นบิดาของพระเจ้าเฮนรี่ ได้เป็นบุคคลวิกลจริต โดยต่างฝากต่างก็คิดว่าตนคือผู้ที่มีสิทธิ์ และสุดท้าย เมื่อความเห็นไม่ลงรอย จากความบาดหมาง ก็ค่อย ๆ ก่อตัวเป็น ‘สงคราม’ ในเวลาต่อมา และหลังจากรบราฆ่าฟันกันมาอย่างยาวนาน ทางฝั่งของ ‘ยอร์ค’ ก็เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ และได้บังลังก์มาครองอย่างสมใจหมาย แต่เก้าอี้ร้อนที่ปล้นเค้ามานั้น ก็อยู่ได้แค่ 3 แผ่นดิน ก่อนจะถูก ‘เฮนรี่ ทิวดอร์’ จากราชวงศ์ ‘แลงคาสเตอร์’ มาช่วงชิงคืนไป และได้อภิเษกสมรสกับ ‘เอลิซาเบธ แห่งยอร์ค’ รวมสองตระกูลเป็นทองแผ่นเดียวกัน หลังจากที่ได้ก่อตั้งราชวงศ์ ‘ทิวดอร์’ ขึ้นมาเป็นราชวงศ์ใหม่ "ปีศาจแดง" ที่มี สีแดง เป็นสีประจำสโมสร                 และหากย้อนกลับไปพูดถึงเรื่อง ‘ฟุตบอล’ ในช่วงที่ตีรันฟันแทงกันอยู่นั้น ทีมอย่าง ปีศาจแดงแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มี ‘สีแดง’ เป็นสีประจำสโมสร และยังมีรากฐานที่ตั้งอยู่ในแคว้น ‘แลงคาเชียร์’