เป็นที่ถกเถียงในพรีเมียร์ลีก โมฆะหรือไม่ควรโมฆะ

ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องสำหรับไวรัสโควิด-19 ในพรีเมียร์ลีกที่ส่งผลเป็นอย่างมากให้ทีมต่างๆต้องงดเตะในสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำให้มีการถกเถียงกันเกิดขึ้นว่าควรจะโมฆะหรือไม่ถ้ายังต้องงดแตะต่อไปอย่างงี้เรื่อยๆ เพราะมองแล้วว่ายังเหลืออีกหลายนัดที่ต้องเตะในพรีเมียร์ลีก เหลืออีกเพียงแค่ 6 แต้มสำหรับลิเวอร์พูลที่จะได้คว้าแชมป์ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แชมป์ที่รอคอยมานานถึง 30 ปีแต่ดันมาเกินเหตุการณ์โรคระบาดจนได้ ทำให้การเตะในพรีเมียร์ลีก ต้องหยุดชะงักลงไป จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นว่าควรโมฆะหรือไม่อย่างไร ทีมที่กำลังจะตกชั้นอย่าง นอริชซิตี้ ก็หวังที่อยากจะให้โมฆะ แต่ทีมอย่างลิเวอร์พูลที่กำลังจะได้แชมป์ และรอมานาน 30 ปี ก็ไม่อยากที่จะให้โมฆะแน่ๆ จึงทำให้เกิดการแบ่งฝั่งกันวิจารณ์กันเกิดขึ้น ทางฝั่งที่อยากให้โมฆะและคิดว่าลิเวอร์พูลไม่ควรได้แชมป์ อย่าง อลัน เชียเรอร์ ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ หรือจะเป็นทีมอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ออกมาพูดถึงการแพร่ระบาดของโรคที่ต้องควรระวังในเรืองของการแตะต้องโดนกัน และบอกอีกว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครจะตกชั้นหรือไม่ตกชั้น หากการแข่งยังไม่จบ ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งของทางฝั่งที่อยากให้โมฆะ ทางฝั่งที่อยากให้แข่งจนจบ และไม่ควรโมฆะ อย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตนักเตะของลิเวอร์พูลเอง ที่มองว่าหากมีการโมฆะจะนั้นจะไม่ยุติธรรมกับลิเวอร์พูลเลย เช่นเดียวกับ กอร์ดอน เทย์เลอร์ ประธานบริหารสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องมาโมฆะ และจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับทีมลิเวอร์พูล และยังมีทีมต่างๆที่อยากให้แข่งต่อเพราะด้วยฟอร์มการเล่นของทีมตัวเองอย่าง เลสเตอร์ ที่กำลังจะลุ่นได้ไป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรืออย่างทีม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ได้จะมีลุ้นโควต้าฟุตถ้วยยุโรป หรือแม้แต่ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นทีมรักทีมแค้นกับลิเวอร์พูล ก็กำลังมีลุ้นได้ไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกเช่นกัน ทั้งนี้ก็ยังหาข้อสรุปกันต่อไปว่าจะออกมาเป็นอย่างไรแต่ถ้าให้คาดการณ์การโมฆะอาจจะเป็นไปได้ยากกว่า เพราะด้วยอะไรหลายๆอย่างหากได้โมฆะ แต่ทางออกสำหรับเรื่องนี้จะเป็นไปทางไหน บ้างก็ว่าให้หยุดรักษาการแพร่ระบาดก่อน แล้วค่อยกลับมาเตะกันต่อก็ไม่สายเพราะการรักษาใช้เวลาน่าจะแค่ 1 เดือนอย่างที่จีนได้ทำ หรือจะตัดจบเลยด้วยตารางคะแนนในปัจจุบันแต่ถึงอย่างงั้นคงไม่ดีแน่ถ้าได้ชูถ้วยแชมป์โดยไม่มีกองเชียร์เลยในสนาม