เวิลด์คัพ 2018 รีวิวฉบับหลังม่านเหล็ก

รีวิวเวิลด์คัพ 2018 ฉบับหลังม่านเหล็ก

ผ่านไปสองปีกับฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เหตุการณที่น่าจดจำของเวิลด์ คัพ 2018 คือ เรื่องที่น่าตื่นเต้น,ฟุตบอลที่ดึงดูดและการเล่นที่แข็งแกร่งของทีมเจ้าบ้าน รวมถึงเหตุการณ์ที่น่าเซอร์ไพรส์มากมาย ทั้งเรื่องเยอรมันตกรอบแต่ไก่โห่, โครเอเชียหลุดเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และรัสเซียแพ้ดวลลูกโทษต่อสเปน ตกรอบน็อกเอาต์ให้เกมที่บีบหัวใจอย่างมาก และไหนจะมีเรื่องการตัดสินด้วย VAR ที่ทำให้ฟุตบอลโลกหนนี้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน รัสเซีย อาจจะเคยเป็นชาติที่เก่งฉกาจในโลกของฟุตบอลก็จริงแต่ว่ามันนานมากแล้ว ในฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้รัสเซียได้เตะเปิดสนามเป็นคู่แรกก่อนเกมเราได้เห็นภาพการจับมือกันของ ประธานาธิบดี ปูตินและโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุ เราได้เห็นเกมที่สุดตื่นเต้นมากมายอย่างเช่นเกมระหว่าง ญี่ปุ่นกับเซเนกัลที่แย่งกันเข้ารอบ และผลสุดท้ายปรากฏออกมาว่าเสมอกัน 2-2 แต่เป็น ซามูไร บลูส์ที่คุมทีมโดยกุนซือ อากิระ นิชิโนะเข้ารอบน็อกเอาต์ต่อไปได้เพราะคะแนนแฟร์เพลย์ที่เหนือกว่าทีมจากกาฬทวีป ฝรั่งเศสพบอาร์เจนตินา สองทีมดังจัดว่าเป็นคู่บิ๊กแมตช์ของฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นฝรั่งเศสที่ชนะไปอย่างระทึก 4-3 พร้อมบทพิสูจน์ความเป็นสตาร์ของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ อย่างเต็มตัว และลิโอเนล เมสซี่ก็ต้องรอคอยความสำเร็จ (แชมป์) ในนามทีมชาติต่อไป อีกคู่หนึ่งเป็นทีมเจ้าภาพ รัสเซียพบสเปน รัสเซียเจ้าภาพอาศัยเสียงเชียร์และสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยหมายจะปราบ กระทิงดุ สเปน ให้ได้รูปเกมเป็นไปอย่างสนุก และเสมอกันใน 120 นาที 1-1 และเจ้าภาพรัสเซียยังเดินหน้าต่อไปเมื่อชนะจุดโทษสเปน จากฝีมือการเซฟแบบผีข้าวของ อีกอร์ อกินเฟเยฟ อังกฤษดวลจุดโทษชนะโคลอมเบีย หลังเสมอในเวลา 120 นาที 1-1 นับเป็นการยุติสถิติแพ้ในการยิงลูกโทษในรายการฟุตบอลระดับเมเจอร์ ของทีมชาติ สิงโตคำรามได้สำเร็จ รอบควอเตอร์ไฟนัล (8 ทีมสุดท้าย ) ฝรั่งเศสเชือดนิ่มอุรุกวัย 2-0 โดยอองตวน กรีซมันน์ให้ความเคารพต่ออุรุกวัยเพราะว่าเขามีเพื่อนเป็นนักเตะอุรุกวัยมากมาย, เบลเยียมฟอร์มสุดแกร่งที่นำทีมโดยเอแด็ง อาซาร์,มารูยาน เฟลไลนี่หักด่านบราซิลได้ 2-1,โครเอเชียชนะลูกโทษรัสเซีย หลังเสมอในเวลา 120 นาที 2-2, และอังกฤษเชือดนิ่มสวีเดน 2-0 รอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 อังกฤษแพ้ช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาทีต่อโครเอเชีย 2-1 ,ฝรั่งเศสชนะเบลเยียม 1-0 นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศสโชว์ฟอร์มได้สมกับเป็นทีมเต็งชนะทีมตราหมากรุก โครเอเชีย 4-2 ชนิดที่เหนือกว่าตลอดทั้งเกม และนัดชิงที่สาม เบลเยียมชนะอังกฤษได้ 2-0 ในนัดชิงที่สาม #ข่าวกีฬา#ข่าวฟุตบอล#ฟุตบอลโลก 2018

โปรเจ็ค รีสตาร์ท ลีกไหนในยุโรปจะกลับมาลงสนามเตะ?

หลายๆลีก เริ่มกลับมาเตะกันแล้ว หลังโควิด-19 ผ่อนคลาย

บุนเดสลีกาได้กลับมาลงสนามแล้ว และต่อไปนี้คาดว่าจะเป็นลีกที่กลับมาลงเตะต่ออีกครั้ง เรียงตามลำดับคือพรีเมียร์ลีก, ลาลีกา สเปน,เซเรีย อา และคาดว่าต่อไป ส่วนสก๊อตติช พรีเมียร์ลีก, ลีกเอิง และเอเรดิวิซี่ลีก ตัดจบไปแล้ว โปรเจ็ค รีสตาร์ท พรีเมียร์ลีกตั้งเป้าจะกลับมาเตะอีกครั้งวันพุธที่ 17 มิถุนายน  ซึ่งจำนวนแมตช์ของลีกยังเหลืออีก 92 เกมเพื่อที่จะจบฤดูกาล และคาดว่าวันนั้นจะเริ่มด้วยการแข่งขันระหว่าง แอสตัน วิลล่าพบเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดและแมนเชสเตอร์ ซิตี้พบอาร์เซนอล มีข่าวดีว่า สกาย สปอร์ตจะถ่ายทอดสดเกม 64 เกม และมีอีก 25 เกมที่เปิดให้ชมกันแบบฟรีๆ จาก 92 เกมที่เหลือ EFL หรือฟุตบอลลีกอังกฤษตั้งแต่แชมเปี้ยนชิพลงไป (ไม่รวมพรีเมียร์ลีก) เปิดให้นักเตะกลับมาซ้อมวันที่ 25 พฤษภาคม พร้อมกับเรียกนักเตะมาทำการตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้ว มีสองรายจากฮัลล์ที่ผลตรวจเลือดออกมาเป็นบวก พวกเขาจะต้องกักตัวเองอีกครั้ง และนักเตะที่เข้ารับการตรวจเชื้อนี้จะมีการตรวจจากทีมแพทย์และศาสตราจารย์จากภายนอก ส่วนในฟุตบอลลีกที่ต่ำกว่านี้ คือลีกวัน และลีกทู ยังไม่มีการเรียกตรวจสอบอาการของ covid-19 และก็ยังไม่เปิดให้ทุกทีมทำการฝึกซ้อมเลยด้วยซ้ำ และเรื่องการแข่งขันในฤดูกาลที่เหลือ จะมีการประชุมสโมสรสมาชิกในแชมเปี้ยนชิพ, ลีกวันและลีกทู อีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรดี โดยมีถึง 23 ทีมในลีกวันที่ไม่อยากจะเตะช่วงที่เหลือของฤดูกาล  ส่วนโปรเจ็ค รีสตาร์ท ลีกทูกลับตรงกันข้ามคาดว่าจะให้ลงสนามเตะอีกครั้ง แต่ว่าจะไม่มีระบบการเลื่อนชั้น –ตกชั้น หลายๆลีก เริ่มกลับมาเตะกันแล้ว หลังโควิด-19 ผ่อนคลาย ฟุตบอลเนชันแนลลีกมีการโหวตกันว่าจะตัดจบฤดูกาล 2019/20 โดยยึดจากแต้มที่อยู่ในเวลานี้และยกเลิกโปรแกรมที่เหลืออยู่ทั้งหมด สโมสรกว่า 90% มีการโหวตกันว่าจะให้ตัดจบลีก หลังจากที่ไม่มีการแข่งขันกันตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ส่วนเรื่องการขึ้นชั้นและการตกชั้นของฟุตบอลเนชันแนลลีก, ฟุตบอลเนชันแนลลีกเหนือ,ฟุตบอลเนชันแนลลีกใต้ จะมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรดี เซเรียอาเป็นลีกแรกในยุโรปที่มีการประกาศ หยุดแข่งขันหลังการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า โดยบางเกมมีการเลื่อนเตะและบางเกมก็เล่นโดนที่ไม่มีคนดู ก่อนที่จะหยุดลีกโดยสมบูรณ์ ลาลีกา สเปน นายกรัฐมนตรีสเปน เปโดร ซานเชซกล่าวว่าโปรเจ็ค รีสตาร์ทของฟุตบอลลีกจะกลับมาเตะอีกครั้งวันที่ 8 มิถุนายน โดยประธานฟุตบอลลีก ฆาเบียร์ เตบาสต้องการให้นักเตะมาเล่นอีกครั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าลืมติดตามข่าวสารฟุตบอล อย่างต่อเนื่องเพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของวงการฟุตบอล

“กลับมาเตะ” อิตาลีแย้มวันฟุตบอลกลับมาเตะได้

กัลโช่ เซเรียอา ลีกอิตาลี

ในช่วงวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมาถือเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับ แฟนบอลที่ชมชอบวงการฟุตบอลประเทศยุโรป เมื่อรายการแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกาลีกเยอรมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในห้ารายการแข่งขันฟุตบอลยักษ์ใหญ่ได้ทำการกลับมาแข่งขันกันได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากต้องพักการแข่งขันฟุตบอล เพราะไวรัสโควิด-19 ระบาดมานานเกือบสามเดือน ซึ่งเผลอชมฟุตบอลกันมาไม่นานก็ผ่านไปสองสัปดาห์ และมีเกมการแข่งขันฟุตบอลที่สนุก ๆ ไปให้แฟนบอลที่นอนเหงาอยู่กับบ้านได้ชมบอลกันแล้ว อย่างไรก็ตาม มันยิ่งเป็นการกระตุ้นให้วงการฟุตบอล และแฟน ๆ มีการเรียกร้องให้รายการแข่งขันฟุตบอลรายการอื่น อีกสี่รายการยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลยุโรปให้สามารถกลับมาเตะกันได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้ แต่ที่แน่ ๆ รายการแข่งขันฟุตบอลของลีกเอิงฝรั่งเศส จำเป็นต้องยุติการแข่งขัน ในฤดูกาลนี้ไปแน่นอนแล้ว เพราะรัฐบาลประเทศฝรั่งเศสสั่งห้ามการแข่งขันกีฬายาว ๆ ไปอีกหลายเดือนทีเดียวจนเดือบจะสิ้นปีโน่นเลยถึงจะกลับมาแข่งขันฟุตบอลกันได้ ทำให้มีข่าวนักฟุตบอลที่เตรียมจะย้ายทีมในซัมเมอร์ วิ่งหาทีมฟุตบอลใหม่กันแล้วเพราะก็เท่ากับสิ้นสุดฤดูกาลนี้ไปโดยปริยาย แต่สำหรับรายการแข่งขันพรีเมียร์ลีกเอง ก่อนหน้านี้นั้นมีข่าวมาว่าทางรัฐบาลประเทศอังกฤษ ยินยอมให้มีการแข่งขันฟุตบอลได้จัดขึ้นแล้วใน เดือน มิถุนายน แต่ที่ยังกำหนดการกลับมาแข่งกันไม่ได้ เพราะทีมฟุตบอลแต่ละทีมที่จะแข่งขันในรายการคงมีปัญหากันอยู่ เนื่องจากไม่ต้องการแข่งในสนามกลาง ต้องการแข่งกันในสนามบ้านตนเองมากกว่า จึงทำให้จำเป็นต้องไปจะได้คุยกับรัฐบาลใหม่  ทั้งนี้ ล่าสุดมีข่าวใหม่มาอีกหนึ่งรายการว่า สำหรับรายการแข่งขัน กัลโช่ เซเรียอา ลีกอิตาลี อันเนื่องมาจาก วินเชนโซ่ สปาดาโฟร่า ผู้นั่งอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีกีฬาคนปัจจุบันของประเทศอิตาลีได้ออกมาแย้มพรายว่า ภายในวันที่ 28 พฤษภาคม 2020 นี้ จะได้มีการประชุมหารือร่วมกันเพื่อจะตัดสินว่าการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญของประเทศอิตาลีจะสามารถกลับมาแข่งขันกันได้อีกครั้งภายในวันที่เท่าไหร่ ในเบื้องต้นคาดหมายกันว่าอาจจะสามารแข่งได้ภายในประมาณ 13 มิถุนายน แต่ถ้ามีการเลื่อนการแข่งขันออกไปอีกก็น่าจะกลับมาเตะเป็นประมาณ 20 มิถุนายน นี้ สำหรับช่วงเวลานี้ อย่างน้อยที่สุดพวกเราเหล่าแฟนบอลก็ยังมีโอกาสได้ชมรายการแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีก้าเยอรมันที่ มีมาให้ชมกันแทบทุกวัน และรายการแข่งขันฟุตบอล เคลีก หรือฟุตบอลเกาหลีใต้เอง ก็พึ่งจะเปิดการแข่งขันในฤดูกาลใหม่กันแล้ว ใครที่เป็นแฟนฟุตบอลก็ไปติดตามข่าวฟุตบอล ข่าวกีฬาได้ เพื่อติดตามว่าลีกไหนจะกลับมาเตะเหมือนเดิม

ฟุตบอลโลกปี 2010 สีสัน ความสนุก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ

มหกรรม ฟุตบอลโลกปี 2010 สีสัน ความสนุก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ

                ในทุกๆ 4 ปี อาจจะเป็นเวลาปกติๆของคนหลายๆคน แต่สำหรับแฟนฟุตบอลแล้วนั้น จะมีทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ อย่างฟุตบอลเอเชี่ยนครับ , ฟุตบอลยูโร , ฟุตบอลโคปาอเมริกา รวมไปถึงมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างมหกรรมฟุตบอลโลก ซึ่งฟุตบอลโลกในครั้งนี้เป็นจุดกำเนิดของหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกพอลผู้ทำนายผลฟุตบอลรวมไปถึงเครื่องดนตรีอย่าง วูวูเซล่า วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับ มหกรรม ฟุตบอลโลกปี 2010 ที่มีครบทั้ง สีสัน ความสนุก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ                 ย้อนกลับไปเมื่อไป ค.ศ. 2010 ประเทศแอฟริกาใต้ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันมหกรรม ฟุตบอลโลกปี 2010 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกมาจากทวีปแอฟริกา นั่นทำให้ทั่วทุกมุมโลกได้หันมาสนใจทวีปแอฟริกามากขึ้น โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้ โดยการได้เป็นเจ้าภาพการจัดฟุตบอลโลกครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจของประเทศแอฟริกาใต้นั้นพุ่งขึ้นเป็นทวีคูณ เนื่องจากมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เท่านั้นยังไม่พอ ประเทศแอฟริกาใต้ ยังทำให้แฟนบอลทั่วโลกได้รู้จักกับวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอลในรูปแบบใหม่ ซึ่งกองเชียร์แอฟริกาใต้ ได้นำเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่เรียกว่า วูวูเซลา มาเป่าในขณะเชียร์ฟุตบอล เรียกว่าเป็นสีสันที่เรียกรอยยิ้มและความสนุกได้เป็นอย่างดี                 นอกจากนั้นยังไม่พอ ศิลปินระดับโลก ต่างก็มาร่วมสนุกร้องเพลงประกอบทัวร์นาเมนต์ใน ฟุตบอลโลกปี 2010 ซึ่งในมหกรรมครั้งนั้น มีเพลงที่ฮิตติดหูแฟนบอลทั่วโลกอย่าง โอ้ แอฟริกา , วาวิน แฟลก แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาก็คงหนีไม่พ้น เพลง วากา วากา โดยได้นักร้องสาวสุดเซ็กซี่ อย่าง ชากิร่า มาขับร้องและวาดลวดลายการเต้นให้กับแฟนบอลและแฟนเพลงทั่วโลกได้รับชมรับฟังกัน ซึ่ง ก็ต้องยอมรับมหกรรมฟุตบอลโลกครั้งนี้ ถือเป็นฟุตบอลโลกที่สนุกที่สุดครั้งหนึ่งก็ว่าได้ เพราะได้มีสิ่งต่างๆที่เราไม่เคยเห็น ได้เป็นที่รู้จักกันในฟุตบอลโลกครั้งนี้                 ตลอดเวลาหนึ่งเดือนในศึก ฟุตบอลโลกปี 2010 แฟนบอลทั่วโลกต่างได้ยลโฉมความงดงามและศิลปะวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอลของทวีปแอฟริกา รวมไปถึงการได้เห็นสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในฟุตบอลโลกครั้งก่อนๆ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ฟุตบอลโลกปี 2010 ได้ล่วงเลยมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฟุตบอลโลกในครั้งนั้น ได้สร้างความสุข สีสัน ความสนุก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กับแฟนฟุตบอลทั่วโลก และเชื่อเหลือเกินว่า ฟุตบอลโลกปี 2010 ที่แอฟริกาใต้นั้น จะเป็นฟุตบอลโลกที่แฟนบอลทั่วโลกจะกล่าวถึงไปอีกนานแสนนาน #ข่าวกีฬา#ข่าวฟุตบอล#ฟุตบอลโลก#sedotwcjakarta

อินเตอร์ มิลานไม่สน “พอล ป็อกบา” แลก “มิลาน สครีเนียร์”

พอล ป็อกบา แมนยู

ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา หากเราไปตั้งคำถามกับแฟนฟุตบอลของทีม ผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่านักฟุตบอลคนใดในทีมฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี้ ที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับการเตรียมย้ายที่มากที่สุดแล้ว เราก็คงหนีไม่พ้นนักฟุตบอลที่ชื่อว่า พอล ป็อกบา ซึ่งมีข่าวหนาหูกับ อินเตอร์ มิลาน ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางชื่อดังชาวฝรั่งเศส ที่หลังจากย้ายมาอยู่กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2016 จากการซื้อตัวมาจากทีมม้าลาย ยูเวนตุส ด้วยราคาค่าตัวสูงถึง 94.50 ล้านปอนด์ เจ้าตัวก็มีข่าวจะย้ายหนีจากทีมอยู่บ่อย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ และดูเหมือนว่า นักข่าววงการกีฬาฟุตบอลชื่นชอบเล่นข่าว ป็อกบา เตรียมย้ายหนีจากทีมเสียจริงๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ในช่วงซัมเมอร์ 2019 ผ่านมา มีข่าวลือหนาหูว่า ป็อกบา จะย้ายหนีจากผีแดงกันอยู่บ่อย ๆ จน โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทนไม่ไหว ออกมาให้ข่าวว่าทีมจะตั้งราคาค่าตัวของนักฟุตบอลคนนี้ให้สูงถึง 180 ล้านปอนด์ มันไปเลย ถ้ายังมีข่าวว่าทีมฟุตบอลทีมไหนต้องการจะดึงตัวนักเตะคนนี้ให้ย้ายหนีออกจากทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนั้น เนื่องจากทีมของพวกเขาเองก็มีความจำเป็นต้องใช้นักฟุตบอลคนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กินแห้ว เพราะอินเตอร์ มิลาน ไม่สนป็อกบา หากแต่เวลาเปลี่ยนราคาของนักเตะก็เปลี่ยน เมื่อช่วงครึ่งปีหลังของปี 2019 ที่ผ่านมานักฟุตบอลคนนี้ มักจะมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่เส้นเอ็นข้อเท้าอยู่เสมอ จนทำให้ไม่สามารถเล่นให้ทีมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย สุดท้ายเขาก็พักรักษาตัวยาวตั้งแต่ปลายปี 2019 จนเลื่อนการแข่งขันไปเพราะไวรัสโควิด 19 ระบาด ทำให้เพิ่งจะเห็นว่าเขาได้กลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมแล้ว และจะกลับมาช่วยทีมแข่งขันในฤดูกาลปัจจุบันในนัดที่เหลืออยู่ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บดังกล่าวประกอบกับเขาเหลือสัญญาเล่นให้กับทีมเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น มันจึงทำให้ราคาค่าตัวที่เคยพุ่งขึ้นสูงของนักฟุตบอลคนนี้ กำลังร่วงลง และแน่นอนว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด  จึงจำเป็นต้องหาทางขายนักฟุตบอลคนนี้ออกจากทีมและทำกำไรให้ได้มากที่สุดก่อนที่ราคาเข้าตัวจะตกไปมากกว่านี้ โดยตามข่าวได้บอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำการยื่นข้อเสนอขอแลกตัว พอล ป็อกบา กับ มิลาน สครีเนียร์  นักเตะชื่อดังอีกคนหนึ่งของทีมงูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน หากแต่ถูกปฏิเสธกลับมาพร้อมทั้งบอกว่าไม่มีความสนใจกับข้อเสนอดังกล่าว เพราะทีมของพวกเขาก็จำเป็นจะต้องใช้นักเตะคนนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะต้องยอมลดค่าตัวของ ป็อกบา ลงเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีทีมฟุตบอลที่สนใจจะซื้อเขาไปจริงๆ #ข่าวกีฬา#ข่าวฟุตบอล#โยกย้ายนักเตะ#sedotwcjakarta

เดอะ แม็กพาย ว่าที่สโมสรที่รวยที่สุดในโลก

เดอะ แม็กพาย

เดอะ แม็กพาย ว่าที่สโมสรที่รวยที่สุดในโลก                 ในช่วงต้นยุค 2000  คงไม่มีใครรู้จัก เดอะ แม็กพาย หรือสโมสรสาลิกาดงนิวคาสเซิ่ลนั้นเอง เพราะช่วงต้นยุค 2000 นั้น นิวคาสเซิ่ลคือยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก เนื่องจากสามารถติดหนึ่งในสี่ทีมหัวตารางของพรีเมียร์ลีก และสามารถอยู่บนหัวตารางของพรีเมียร์ลีกได้อย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งการมาของ ไมค์ แอชลี่ย์  เจ้าของธุรกิจอุปกรณ์กีฬา ที่เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร กลังจากนั้น สาลิกาดงก็ตกต่ำอย่างสุดขีด ถึงขนาดตกชั้น แต่เมื่อเร็วๆนี้ก็ได้มีข่าวดีที่สาวกนิวคาสเซิ่ลดีใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีกลุ่มทุนที่จะมาเทคโอเวอร์สโมสรและที่สำคัญเป็นกลุ่มทุนที่ทุนหนาอีกด้วย                 เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวว่ากลุ่มทุน พีไอเอฟ จากซาอุดิอาระเบีย  นำทีมมาโดย เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียได้ยื่นข้อเสนอให้กับ ไมค์ แอชลี่ย์ เจ้าของทีมเดอะ แม็กพาย คนปัจจุบัน ในการขอเทคโอเวอร์สโมสรนิวคาสเซิ่ล ด้วยราคาประมาณ 350 ล้านปอนด์ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย มีทรัพย์สินมากกว่า 260000 ล้านปอนด์ ซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าหากการเจรานี้ลุล่วง นิวคาสเซิลจะเป็นสโมสรที่รวยที่สุดในโลก แต่เนื่องจากติดปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้การเจราเหล่านี้ต้องถูกเลื่อนออกไป                 และเมื่อในเดือยเมษายนที่ผ่านมาข่าวล่าสุดรายงานว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน จะถือหุ้น 80 % นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตระกูลรูเบ็น 10 % และอเมนดา สเตฟลี่ ที่ปรึกษาทางด้านการเงินในประเทศแถบตะวันออกกลางถือหุ้นอีก 10 % ขณะที่องกรนิรโทษกรรมสากลได้ออกมาคัดค้านการเจรจาการขอเทคโอเวอร์สโมสรนิคาสเซิ่ล เนื่องจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มีข่าวฉาวโฉ่อยู่มากมาย โดยข่าวที่ดังที่สุดก็น่าจะเป็นข่าวที่พระองค์มีส่วนรู้เห็นกับการสังหาร นายจามาล คาช็อกกี นักข่าวและคอลัมนิสต์ชาวซาอุดิอาระเบีย  อีกทั้งยังมีปัญหากับกลุ่มทุนการ์ตาในเรื่องของการขโมยสัญญาณถ่ายทอดสดกีฬาอีกด้วย นี่อาจเป้นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเจราเทคโอเวอร์สโมสรนิวคาสเซิ่ล หรือเดอะ แม็กพาย ไม่สำเร็จลุล่วงสักที                 ทั้งนี้ทั้งนั้นดีลนี้จะสำเร็จลุล่วงหรือไม่ขึ้นอยู่กับปลายปากกาของประธานพรีเมียร์ลีกเท่านั้นว่าจะเซ็นอนุมัติการเทคโอเวอร์หนนี้หรือไม่ ส่วนแฟนบอลเดอะ แม็กพายทั่วโลกคงภาวนาให้การเจรจาหนนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เนื่องจากเม็ดเงินที่มหาศาลของ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นั้นจะสามารถชุบชีวิตสาลิกาดง ให้กลับมาผงาด ยืนหยัดอยู่บนหัวตารางของพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ซิโก้ ชายที่เรียกศรัทธา แฟนบอล ชาวไทยให้กลับมาลุกฮืออีกครั้งแดงเดือด !! ความขัดแย้งของ2ทีม ที่มีมากกว่าเกมส์ฟุตบอลการซื้อตัวที่ล้มเหลวของสโสรเชลซีกับ เฟอร์นานโด ตอเรส

แดงเดือด !! ความขัดแย้งของ2ทีม ที่มีมากกว่าเกมส์ฟุตบอล

แดงเดือด

แดงเดือด !! ความขัดแย้งของ2ทีม ที่มีมากกว่าเกมส์ฟุตบอล                 ทีมฟุตบอลทุกทีมย่อมมีคู่แข่งตัวสำคัญ อาจจะเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์ เป็นทีมร่วมเมือง หรือ มีปัญหากันในด้านอื่นๆ แต่สำหรับ ศึกแดงเดือด นั้น เป็นอะไรที่ความขัดแย้งเกิดขึ้นมานมนาน และเป็นอะไรที่มากกว่าเกมส์ฟุตบอล ซึ่งเมื่อเกิดศึกแดงเดือดขึ้นทีไร ทำไมนักฟุตบอลของแต่ละทีมถึงใส่กันไม่ยั้ง ทำไมแฟนบอลทั่วโลกถึงให้ความสนใจกับฟุตบอลนัดนี้เป็นพิเศษ วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ หาสาเหตุกันว่า ทำไม ศึก แดงเดือด จึงมีอะไรมากกว่า แค่เกมส์ฟุตบอล                 จุดกำเนิดของศึก แดงเดือด นั้นเมื่อราวๆปียุค 70-80 ทั้งเมืองลิเวอร์พูลและเมืองแมนเชสเตอร์นั้น ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเป็นอย่างดี โดย เมืองแมนเชสเตอร์ ทำธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยที่ต้องส่งค่าธรรมเนียมให้กับเมืองลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นเมืองท่าในการนำเข้าและส่งออกวัตถุดิบ ต่อมาฝั่งแมนเชสเตอร์ มองว่า ฝั่งลิเวอร์พูล เก็บค่าธรรมเนียมแพงเกินไป ทำให้ผู้คนในเมือง ต่างขุดคลองขึ้นมาเอง ทำให้เรือพาณิชย์ มาเทียบท่าที่เมืองแมนเชสเตอร์ได้เลย ไม่ต้องผ่านทาง ท่าของเมืองลิเวอร์พูล ทำให้ เมืองลิเวอร์พูล ขาดรายได้ไปอย่างมหาศาล นับแต่นั้นมา ผู้คนทั้งสองคนจึงไม่ค่อยญาติดีกันนัก                 และด้วยพื้นเพชาวอังกฤษนั้นมีความคลั่งไคล้ในฟุตบอลเป็นอย่างมาก ทั้งแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แฟนบอลลิเวอร์พูล ก็ต่างยกทีมของตัวเองเป็นที่ 1 ในเกาะอังกฤษ โดยทั้ง 2 ทีมผลัดกันครองความยิ่งใหญ่เป็นช่วงๆ โดยลิเวอร์พูล ครองความยิ่งใหญ่ในยุค 60 โดยมีแมนเชสเตอร์อยู่ในเต็ด คอยเบียดๆแย่งแชมป์กับลิเวอร์พูล แต่ต้องยอมรับว่า สู้ลิเวอร์พูลไม่ได้ แต่หลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงต้นยุค 90 ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ โดยที่มีลิเวอร์พูลเป็นลูกไล่ คอยเบียดแย่งแชมป์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูลยุค นั้น สู้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ได้ เพราะเหตุนี้ แฟนบอลของทั้ง 2 ทีม จึงหยิบยกความสำเร็จมาบลัฟกัน อย่างไม่มีใครยอมใคร จึงเป็นที่มาของคำว่า  ศึกแดงเดือด                 ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ จึงสรุปได้ว่า ศึกแดงเดือด นอกจากจะมีประวัติทางฟุตบอลแล้ว ยังมีในแง่ของธุรกิจระหว่างเมืองตั้งแต่อดีตมาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เมื่อถึงเวลาที่นักเตะทั้ง 2 ทีม ลงฟาดแข้งกันแล้วละก็ ต่างจัดหนักจัดเต็ม ใส่กันชุดใหญ่ไฟกระพริบ วิ่งลืมตาย เพื่อให้ทีมตนเองได้รับชัยชนะ รวมถึงเหล่าแฟนบอล ที่จะไม่พลาดการมาเชียร์ทีมรักของตนเองใน ศึกแดงเดือดอย่างแน่นอน การซื้อตัวที่ล้มเหลวของสโสรเชลซีกับ เฟอร์นานโด ตอเรสTop10!! พรีเมียร์ลีก

การซื้อตัวที่ล้มเหลวของสโสรเชลซีกับ เฟอร์นานโด ตอเรส

เฟอร์นานโด ตอเรส

การซื้อตัวที่ล้มเหลวของสโสรเชลซีกับ เฟอร์นานโด ตอเรส                 เอลนิญโญ่ หรือ เฟอร์นานโด ตอเรส  เป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากมายในยุทธจักรลูกหนัง โดยเฟอร์นานโด ตอเรส นั้น ค้าแข้งให้กับทีมดังๆในยุโรปและเอเชียไม่ว่าจะเป็น  แอตเลติโก มาดริด ลิเวอร์พูล เชลซี เอซี มิลาน จนกระทั่งมามาแขวนสตั๊ดกับ ซากัน โทสุ ทีมในศึกเจลีก ญี่ปุ่น เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นในวันนี้เราจะมาพูดถึงว่าทำไมฝีเท้าของเฟอร์นานโด ตอเรส จึงไม่คู่ควรกับค่าตัวในสมัยที่เล่นให้กับเชลซี เฟอร์นานโด ตอเรส มีชื่อเสียงมากมายในสมัยที่ค้าแข้งกับ สโมสรลิเวอร์พูล โดยฤดูกาล 2007-2008หงส์แดงได้กระชากตัว ตอเรส มาจาก แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัว 26.5 ล้านปอนด์ มาผสานงานกับ สตีเว่น เจอร์ราด กัปตันทีมพลังไดนาโมในสมัยนั้น โดยตอเรสนั้นทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงเล่น ตลอดเวลา 4 ฤดูกาลที่อยู่ในเครื่องแบบของเครื่องจักรสีแดงนั้นเฟอร์นานโด ตอเรส ถล่มประตูไปทั้งหมด 81 ประตูใน 142 นัดรวมทุกรายการ ถึงแม้ว่าจะลิเวอร์พูลจะไม่สามารถคว้าถ้วยแชมป์มาได้เลยแม้แต่รายการเดียว แต่ต้องยอมรับว่า ผลงานในสนามของเฟอร์นานโด ตอเรส เป็นที่เตะตาต้องใจของยอดทีมต่างๆในยุโรปมากมาย หนึ่งในนั้นคือ คู่แข่งตัวฉกาจของ ลิเวอร์พูล นั่นก็คือ สโมสร เชลซี                 ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายรอบ 2 ในปีในฤดูกาล 2011-12เฟอร์นานโด ตอเรส  ได้ย้ายมาร่วมทัพ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ด้วยค่า  50 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติของเกาะอังกฤษในเวลานั้น แต่ต้องยอมรับว่า ฟอร์มการเล่นของเฟอร์นานโด ตอเรส นั้น ผิดหูผิดตาไปจาก สมัยที่ค้าแข้งกับหงส์แดง ลิเวอร์พูลเป็นอย่างมาก โดยตลอดเวลาที่อยู่ในสีเสื้อของเชลซีเฟอร์นานโด ตอเรส ทำประตูได้เพียงแค่ 45 ประตู จากการลงสนาม 172 นัด รวมทุกรายการ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลเชลซีเป็นอย่างมาก ก่อนที่เฟอร์นานโด ตอเรส จะย้ายไปอยู่กับ เอซี มิลาน ด้วยสัญญาการยืมตัว ในฤดูกาล 2014-2015 และย้ายทีมถาวร ในฤดูกาลถัดมา ต้องยอมรับว่า  เฟอร์นานโด  ตอเรส  มีปัญหาทางด้านภาษาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดย จิมมี่ คาร์แรกเกอร์ ได้ออกมาเปิดเผยในภายหลังว่า ตอเรส นั้นไม่ค่อยพูดภาษา อังกฤษ บวกกับช่วงก่อนที่จะย้ายทีม ตอเรส นั้นประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เรื่อยๆ ทำให้ ตอเรสนั้น ฟอร์มตกอย่างผิดหูผิดตา นอกจากนี้แล้ว ระบบการเล่นของเชลซีก็แตกต่างจากลิเวอร์พูลโดยชิ้นเชิง

Top10!! พรีเมียร์ลีก 2019-2020 ที่มีนักเตะอายุน้อยที่สุด

พรีเมียร์ลีก

Top10 ทีมที่มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดใน พรีเมียร์ลีก 2019/2020 พรีเมียร์ลีก ถือเป็นลีกฟุตบอลที่มีการซื้อขายนักเตะ เป็นมูลค่าสูง และฤดูกาลที่ผ่านมาเหล่าผู้เล่นระดับสตาร์ถูกซื้อเข้ามาเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นจำนวนมาก เรามาดูกันว่าในปัจจุบันอายุเฉลี่ยนักเตะของทีมในพรีเมียร์ลีกอยู่ในระดับไหน ทีมใดมีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุด อันดับ 10 เลสเตอร์ ซิตี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมจิ้งจอกสยาม ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย ยืนหยัดอยู่ในพรีเมียร์ลีกอย่างมั่นคง พวกเขาเป็นทีมกลางตารางที่ฟอร์มการเล่น พอฟัดพอเหวี่ยงกับทีมหัวแถวได้อย่างไม่เป็นรอง โดยในฤดูกาล 2019/2020  พวกเขามีอายุเฉลี่ยของนักเตะอยู่ที่ 27.3 ปี อันดับ9 แอสตัล วิลล่า แอสตัล วิลล่า ทีมที่โลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกมาหลายขวบปี แต่3 ปีก่อนตกชั้นไปเล่นเดอะแชมป์เปียนชีพ ฤดูกาลนี้มาในฐานะน้องใหม่ มีอายุเฉลี่ยของนักเตะ 27.2 ปี อันดับ8 ไบรจ์ตัน ไบรจ์ตัน ทีมเล็กๆที่อยู่ในพรีเมียร์ลีกมาตั้งแต่ปี 2016/2017  ฤดูกาลนี้พวกเขามีโอกาสที่จะตกชั้นค่อนข้างสูง มีแต้มห่างจากโซนปลอดภัยแค่ 2 คะแนน แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้พวกเขามีอายุเฉลี่ยของนักเตะอยู่ที่ 27.2 ปี อันดับ7 บอร์นมัธ บอร์นมัธ ทีมในโซนแดง พวกเขาอยู่อันดับ18 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โอกาสกลับลงไปเล่นเดอะแชมป์เปียนชิพเปิดกว้างสำหรับพวกเขาเป็นอย่างมาก โดยฤดูกาลนี้ พวกเขามีค่าเฉลี่ยอายุของนักเตะอยู่ที่ 26.3 ปี อันดับ6 เชลซี เชลซี แฟรงค์ แลมพาร์ด นิยมใช้นักเตะอายุน้อยในการลงสนาม และก็ทำผลงานได้ดี  พวกเขาอยู่อันดับที่4 ของตารางได้ลุ้นไปเล่นยูฟ่าแชมป์เปียนลีกอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 26.3 ปี อันดับ5 ทอตแนมฮอต สเปอร์ ทอตแนมฮอต สเปอร์ ลูกทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ ฟอร์มไม่ค่อยคงเส้นคงวาเท่าไหร่ ฟอร์มหลุดไปจาก ฤดูกาล 2018/2019 อย่างมาก โดยพวกเขาอยู่อันดับ8 ของตาราง มีแต้มห่างจากโซนลุ้นไปเล่นยูฟ่าแชมป์เปียนลีกถึง 7  คะแนน อายุเฉลี่ยนักเตะ 26.1 ปี อันดับ4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โอเลย์ กุนนาร์ โซลชาเน้นหนักเรื่องการเสริมทัพด้วยนักเตะอายุน้อย และ 11 ตัวจริงของพวกเขาก็เต็มไปด้วยนักเตะวัยรุ่น ไล่ตั้งแต่ มาคัส แรชฟอร์ด ,ดาเนี่ยล เจมส์ ,อองโทนี่ มาร์กซิยาล ,สกอต แมคโทมิเนย์  แม้ผลงานช่วงแรกจะน่าใจหาย แต่ 9 นัดหลังพวกเขากลับมาได้ มีแต้มห่างพื้นที่ยูฟ่าแชมป์เปียนลีก 3 แต้ม

พรีเมียร์ลีก มาแล้ว!! มิถุนายน มาแน่

พรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก มาแล้ว!! รัฐบาลอังกฤษอนุมัติแล้ว มิถุนายน นี้ มาแน่ การแพร่กระจายของไวรัสมรณะโควิด-19 เป็นปัญหา และอันตรายอันดับหนึ่งของประเทศทุกประเทศในโลก ซึ่งมันทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจหลายรูปแบบ และวงการฟุตบอลก็เป็นอีกวงการหนึ่งที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก กับนโยบายการล็อกดาวน์ประเทศของแต่ละประเทศ เพื่อต่อสู้กับไวรัสชนิดนี้ ซึ่งวงการฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ของประเทศอังกฤษเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เพราะ มิเกล อาร์เตต้า ทีมชื่อดังของ ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ดันตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำเอารายการแข่งขันปั่นป่วน และจำเป็นต้องสั่งเลื่อนการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก ชั่วคราวยาวมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศในทวีปยุโรปที่ออกมาประกาศตัวว่าควบคุมไวรัสได้สำเร็จแล้ว นั่นก็คือประเทศเยอรมัน ซึ่งได้มีคำสั่งอนุญาตให้การแข่งขันบุนเดสลีกาลีก ที่เลื่อนการแข่งขันออกไปเหมือนกัน ได้กลับมาเล่นได้แล้วในวันที่ 16 พฤษภาคม 2020 ที่จะถึงนี้ ส่วนประเทศอังกฤษเอง ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมน้อยหน้าประเทศเยอรมัน เพราะในวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งเตรียมจะผ่อนปรนนโยบายล็อคดาวน์ประเทศของตนเองแล้วเช่นเดียวกัน โดยรายการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ของประเทศอังกฤษจะสามารถกลับมา แข่งขันได้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2020 นี้เป็นต้นไป ซึ่งพอได้ยินข่าวนี้แล้วก็น่าจะสร้างความดีใจให้กับแฟนฟุตบอลประเทศอังกฤษ และแฟนบอลทั่วโลกเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ จะต้องแก้ปัญหาให้ได้นั่นก็คือปัญหาที่ว่าการจัดการแข่งขันฟุตบอล จะกลับมาแข่งต่อกันนี้จะมีรายละเอียดอย่างไร และใช้สนามไหนในการแข่งขัน เพราะในตอนแรกนั้นมี แนวคิดที่จะกลับมาแข่งขันโดยใช้สนามแข่งกลางเพียงไม่กี่สนามในการแข่งขัน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการด้านสาธารณสุข และแข่งโดยไม่มีแฟนบอลเข้าชม แต่ปัญหาก็เกิดเพราะทีมฟุตบอลหลายทีมในรายการแข่งขันเองก็ออกมาร้องโวยวายกันว่า หากแข่งขันโดยไม่มีแฟนบอลเข้าชม และถ่ายทอดสดกันอย่างเดียวอยู่แล้ว ทำไมจะต้องเล่นสนามกลางอย่างเดียว ซึ่งสาเหตุจริงๆที่ ทีมฟุตบอลหลายทีมออกมาคัดค้านนั่นก็เพราะการได้แข่งขันฟุตบอลในสนามบ้านของตนเอง ย่อมได้เปรียบ และมีโอกาสชนะมากกว่าการแข่งที่สนามอื่นนั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ทีมฟุตบอลหลายทีม  และที่ออกตัวแรงแซงทางโค้งมากที่สุดนั่นก็คือ ทีมฟุตบอลสามทีมสุดท้ายในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีกอังกฤษปัจจุบัน ก่อนมีการเลื่อนการแข่งขัน จะสู้สุดใจขาดดิ้นเพื่อให้การแข่งขันในนัดที่เหลืออยู่พวกเขามีโอกาสได้เล่นในบ้าน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะ และทำคะแนนหนีการตกชั้นได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการประชุมร่วมกันของทีมฟุตบอล 20 ทีม และผู้จัดการแข่งขันก็ยังไม่อาจหาข้อสรุปว่า จะทำอย่างไรกับนโยบายเล่นในสนามกลาง เนื่องจากทีมฟุตบอลหลายทีมไม่เห็นด้วยกับนโยบายสนามกลาง และจะทำให้ผู้จัดการแข่งขันจำเป็นที่จะต้องเตรียมขออนุญาตจากฝ่ายรัฐบาลประเทศอังกฤษเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถทำการแข่งขันฟุตบอลของสนามในแต่ละทีมได้ เหมือนกับที่ในการแข่งขันฟุตบอลลีกเยอรมันสามารถทำได้เช่นเดียวกัน ย้ายทีมได้แบบฟรีๆ กับ 3 นักเตะที่กำลังจะหมดสัญญา 3 นักเตะดาวรุ่ง ที่ค่าตัวแพงมหาศาลเนย์มาร์ อยากกลับ บาร์เซโลน่า แล้ว