“เหยียดสีผิว” คือมะเร็งตัวร้าย ที่คอยทำลาย วงการฟุตบอล

on July 3rd, 2020 in ข่าวฟุตบอล

เหยียดสีผิว

                เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายๆท่านคงได้ยินเรื่องราวของ จอร์จ ฟลอยด์ ผู้ต้องหาชาวอเมริกันผิวสี ที่ถูกตำรวจเอาหัวเข่ากดคอหอยในขณะจับกุม ทำให้ จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิต ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้นักสิทธิมนุษยชนจากหลายๆประเทศ ออกมารวมตัวกันเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์ เนื่องจากหลายๆฝ่ายมองว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมกับคนผิวสี ซึ่งในโลกของฟุตบอลนั้นก็มีกรณีคล้ายๆกับกรณีของ จอร์จ ฟลอยด์ นั่นก็คือการ เหยียดสีผิว วันนี้เราจะหยิบยกการเหยียดสีผิวของวงการฟุตบอล ที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก

                เหตุการณ์แรกย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 2014 ในลาลีก้า สเปน เป็นการพบกันของ บียาร์รีล กับ บาร์เซโลน่า โดยจังหวะนั้นฝั่งทีมเยือนนั่นก็คือทีม บาร์เซโลน่า ได้ลูกเตะมุม โดยคนที่รับหน้าที่การเตะลูกเตะมุม นั่นก็คือ ดานี่ อัลเวส แบ็คขวา ชาวบราซิล แทนที่เกมการแข่งขันจะดำเนินไปตามปกติ แต่ว่าในขณะที่เขากำลังจะเตะลูกเตะมุม ได้มีกล้วยปริศนาลอยมา

ซึ่งแน่นอนว่าเป็นฝีมือของแฟนบอลทางฝั่งเจ้าบ้าน แต่ ดานี่ อัลเวส ก็รับมือกับสถานการณ์นั้นได้ดี ด้วยการหยิบกล้วยที่แฟนบอลฝั่งเจ้าบ้านโยนลงมาเพื่อปอกกิน เพื่อเป็นการประชดกับการเหยียดสีผิว ในครั้งนี้  โดยเมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ได้มีเหล่าคนดังมากมายได้โพสต์รูปภาพกินกล้วย พร้อมแฮชแท๊กว่า saynotoracism เพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิว

เหยียดสีผิว

โดยเหตุการณ์การ เหยียดสีผิว ในครั้งนี้คนที่เป็นผู้ถูกกระทำนั่นก็คือ มาริโอ บาโลเตลลี่

                เหตุการณ์ที่สองเป็นเหตุการณ์สดๆร้อนๆที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ของอิตาลี โดยเกมการแข่งขันนัดนั้นเป็นการพบกันของ เวโรน่า เจ้าภาพ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เบรสชา โดยเหตุการณ์การ เหยียดสีผิว ในครั้งนี้คนที่เป็นผู้ถูกกระทำนั่นก็คือ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าผิวสี ชาวอิตาลีที่มีเชื้อสายกานา โดยในเกมนัดนั้น แฟนบอลทางฝั่งเจ้าภาพได้ตะโกนโห่ร้องเหยียดสีผิว มาริโอ บาโลเตลลี่ ตลอดทั้งเกม แต่แล้วความอดทนของคนเรามีขีดจำกัด นาทีที่ 54 มาริโอ บาโลเตลลี่ เกิดฟิวส์ขาดควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ โดยการหยิบลูกบอลแล้วเตะไปยังอัฒจรรย์ฝั่งแฟนบอลเวโรน่า ทำให้กรรมการต้องเป่าหยุดเกมชั่วคราว โดยหลังจากจบเกมสโมสรเวโรน่า ก็โดนลงโทษตามระเบียบ

เหยียดสีผิว

                ต้องยอมรับว่าการเหยียดสีผิว ของวงการฟุตบอลนั้นเป็นสาเหตุที่แก้ไปหายสักที เนื่องจากเหตุการณ์เหยียดสีผิวไม่ได้พึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แต่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอดีต โดยส่วนใหญ่ลีกใหญ่ๆในยุโรป ไม่ค่อยใช้บริการของนักเตะนอกสหภาพยุโรปหรืออียู ซึ่งส่วนใหญ่นักเตะนอกอียูก็จะเป็นคนผิวสีหรือคนผิวเหลือง ดังนั้นก็ไม่แปลกที่นักเตะนอกอียูมาค้าแข้งในลีกยุโรปจะโดนเหยียดสีผิว และต้องยอมรับว่าการเหยียดสีผิวจะทำให้สเน่ห์ของฟุตบอลลดน้อยลงจนไม่มีค่าอะไรเลยในที่สุด

สามารถติดตามข่าวกีฬา ข่าวฟุตบอล ข่าวโยกย้ายตัวผู้เล่น มากมายในเว็ปไซต์ได้เพิ่มเติม